“มรรค จันเหลือง”สกีหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี เจอตัดสิทธิ

            การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ฤดูหนาว ครั้งที่ 8 “ซัปโปโรเกมส์” ที่เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ทัพนักกีฬาไทย ลงชิงชัยสกีครอสคันทรี ประเภทสปรินท์ คลาสสิค ที่ ชิราฮาทายามา สเตเดียม ระยะทาง 1.4 กม. ซึ่งมีนักกีฬาไทยแข่งขัน 2 คนคือคู่พี่น้อง “จันเหลือง” ลูกครึ่งไทย-อิตาลี “มรรค” และ “คาเรน” ผลปรากฏว่า คาเรน ทำเวลา4.06.83 นาทีตกรอบแรก ขณะที่ มรรค ซึ่งผ่านเข้าถึงรอบเซมิไฟนอล แต่ปรากฏว่า เจ้าตัวต้องออกจากการแข่งขันเนื่องจากไม่มีหลักฐานยืนยันถิ่นฐานตามที่ระบุสัญชาติไทยได้ ถึงแม้ว่ามรรค จะลงแข่งในรอบควอลิฟายไปแล้วก็ตาม ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ของทัพนักกีฬาไทย ต่อจากฮอน มิคไคล์ อิซัคส์สัน นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งลูกครึ่งไทย-สวีเดน ที่ถูกตัดสิทธิไปก่อนหน้านี้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีของ คาเรน นั้นตกรอบไปแล้วจึงไม่ต้องประกาศให้ออกจากการแข่งขัน

            ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ นายกสมาคมกีฬาสกีและสโนว์บอร์ดฯ ได้เปิดเผยว่า เป็นความบกพร่องของเจ้าภาพที่ไม่มีการแจ้งนักกีฬาล่วงหน้า ซึ่งทั้ง มรรค และ คาเรน มีความเป็นไทยทุกอย่าง เนื่องจากมีบิดาเป็นคนไทย ภูมิลำเนาอยู่ จ.ยโสธร มีแม่เป็นคนอิตาลี ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาทั้งคู่จะเล่นให้กับทีมชาติอิตาลี แต่ก็เป็นแค่ในระดับเยาวชน เมื่ออายุถึงพอจะขึ้นทีมชาติชุดใหญ่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะติดทีมชาติไทย แต่เจ้าภาพเองไม่มีการแจ้งล่วงหน้าว่า ต้องการเอกสารอะไรบ้างเพื่อเป็นการยืนยันแต่กลับมาแจ้งก่อนแข่งเพียง 1 วัน ในการประชุมผู้จัดการทีม ซึ่งไม่สามารถหาเอกสารได้ทันแน่นอน

            อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมกีฬาสกีและสโนว์บอร์ดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนได้ทำการร้องเรียนไปถึงสหพันธ์สกีและสโนว์บอร์ดนานาชาติ ถึงกรณีการ ดิสควอลิฟายของนักกีฬาไทย ตามกฏที่เจ้าภาพญี่ปุ่นและสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ตั้งขึ้นมาครั้งนี้ โดยสหพันธ์ก็จะรับรองการเก็บคะแนนของนักกีฬา แต่การได้เหรียญรางวัลจากกีฬาเอเชี่ยนเกมส์นั้นจะขอสงวนสิทธิ์ให้กับนักกีฬาที่ทำถูกต้องตามกฎระเบียบที่วางไว้ ทำให้มรรค ที่สามารถทำเวลาได้ดีมีสิทธิ์เข้ารอบไฟนอล ต้องสละสิทธิ์ให้กับนักกีฬาคนอื่น เพื่อไม่ให้เป็นข้อถกเถียงต่อไป แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ ทั้ง มรรค กับ คาเรน ก็จะแข่งให้จบในทุกประเภทที่ส่งชื่อแข่งขันถึงแม้จะไม่มีสิทธิ์คว้าเหรียญก็ตาม

             สำหรับระเบียบใหม่ของ โอซีเอ ที่กำหนดไว้นั้น ระบุว่าภายในระยะเวลา 3 ปี นักกีฬาจะต้องมีหลักฐานแสดงตัวว่ามีถิ่นฐานอยู่ในประเทศนั้น ๆ เช่น มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน, มีบัตรประชาชน หรือการเดินทางเข้าออกในประเทศนั้นๆ ซึ่งข้อบังคับนี้มีผลกระทบกับนักกีฬาหลายชาติ และส่วนใหญ่ไม่ยอมรับกับกฏนี้เนื่องเป็นการแจ้งที่กระทันหัน ทำให้ไม่มีเวลาในการเตรียมเอกสารให้ครบตามต้องการได้