'เอฟเอ็ม' คาด พังทั้งผีและหงส์

               สำหรับแฟนบอลประเภทที่เป็นลูกหนังเข้าเส้น คงมีหลายคนเคยผ่านเกมจำลองคอมพิวเตอร์ที่จินตนาการว่าตัวเองคือผู้จัดการทีมลูกหนังกันมาบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่เล่นกันมาตั้งแต่เกม “ซีเอ็ม” หรือ แชมเปี้ยนชิพ เมเนเจอร์ ก่อนจะมาเป็น “เอฟเอ็ม 17” หรือ ฟุตบอลเมเนเจอร์ 17 ในปัจจุบัน

               กับคนที่ไม่เคยผ่านเกมจำลองเหล่านี้มา อาจจะสงสัยว่าเกมเหล่านี้มีความสำคัญอย่างไรกับโลกลูกหนังในปัจจุบัน คำเฉลยก็คือต้องยอมรับว่ากลุ่มแมวมองของนักพัฒนาเกมที่ว่ามามีหลายคนเป็นประเภทที่ผ่านขาดนักเตะหลายๆ คนจะรุ่งหรือจะดับ เกมเมเนเจอร์พวกนี้มองอนาคตเหมือนกับตาเห็น

               นอกจากในส่วนของตัวผู้เล่นหลายๆ คนที่โด่งดังในเกมก่อนจะดังและเป็นสุดยอดนักเตะของโลกในชีวิตจริงแล้ว เรื่องของแท็กติก และระบบการเล่นที่เราสามารถจัดการได้ในเกม ก็มีรูปแบบที่เหมือนจริงอย่างเหลือเชื่อเช่นกัน การคำนวณในเกมทำให้เห็นทิศทางของโลกความเป็นจริงถึงจะไม่ตรง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ตรงหลายเปอร์เซ็นต์อยู่

               ขนาดบางคนถึงกับเลิกเล่นเกมซีรีส์นี้ไปแล้ว เพราะมีความยุ่งยากเกินจะเป็นเกม และใส่ส่วนต่างๆ ของชีวิตจริงเข้ามามากมาย

               ที่ว่ากันถึงเกมซีรีส์นี้กันมายืดยาวไม่ใช่อะไร เนื่องจากหลังจากปิดตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมไปแล้ว และหมายความว่าแต่ละสโมสรในพรีเมียร์ลีกต้องใช้ผู้เล่นชุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทางเอฟเอ็มมีการคำนวณกันเล่นๆ จากผู้เล่น และแต้มในปัจจุบันว่าทีมใดจะคว้าแชมป์ ติดท็อปโฟร์ หรือแม้กระทั่งตกชั้น ต้องบอกก่อนว่าผลการคำนวณไม่สู้ดีกับสองทีมขวัญใจชาวไทยอย่าง “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล นัก

               ในส่วนของการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่ต้องเฉพาะเอฟเอ็มแต่หลายๆ คนทั่วโลกคงมองไปในทางเดียวกันว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี จะคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ไปครอง ซึ่งเอฟเอ็มก็มองเหมือนกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการจำลองของเอฟเอ็มนั้นยกให้เชลซี คว้าแชมป์เหนือทีมอื่นเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น แม้ว่าในช่วงนี้จะนำกันอยู่เป็น 10 แต้ม แถมการคำนวณยังเชื่อว่า เชลซี จะมีแพ้ทั้ง เวสต์แฮม, สโตค และบอร์นมัธ แต่ด้วยฟอร์มการเล่นของ ดิเอโก คอสตา และ เอดอง อาซาร์ จะช่วยให้ทีมประคองตัวเป็นแชมป์ได้ที่ 84 แต้ม

               ขณะที่ตำแหน่งรองแชมป์เอฟเอ็มยกให้ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ที่เร่งสปีดโกยแต้มในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังได้เหมือนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำให้เป็นรองเชลซีเพียง 2 แต้ม โดยการจำลองเห็นว่า สเปอร์ส มีซีรีส์ที่ไม่แพ้ได้ยาวๆ เป็น 10 นัด และจะไม่แพ้ในเกมนอร์ธลอนดอนดาร์บีแมทช์ กับ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล อีกด้วย โดยผลการคำนวณออกมาว่าจะเสมอกัน 1-1

               อาร์เซนอล ของอาร์แซน เวนเกอร์ จะเข้าป้ายเป็นทีมอันดับ 3 แต่ที่สำคัญในการจำลองครั้งนี้คือทีมปืนใหญ่จะไม่แพ้ใครอีกแล้วในฤดูกาลนี้และจะจบฤดูกาลด้วยการตามหลังเชลซี 6 แต้ม เรื่องนี้ในความเป็นจริงมองยากเหมือนกัน เพราะอาร์เซนอลไม่ได้เสริมนักเตะ และมีบางเกมที่แพ้ง่ายๆ ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ส่วนอันดับ 4 จะเป็น “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี เพราะนักเตะในทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ชุดนี้ หากใครเล่นเกมก็รู้ดีว่าได้เปรียบทีมอื่นๆ อยู่เยอะ และสามารถสร้างอนาคตได้อย่างสบายๆ

               นั่นหมายความว่า แมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล จะหลุดจากการเป็นท็อปโฟร์ โดยเฉพาะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่คอมพิวเตอร์คำนวณให้เป็นอันดับ 5 จะไปเสียโอกาสในเกมดาร์บีแมทช์ ที่ถูก ดาวิด ซิลบา ยิงตีเสมอ ส่งผลให้แมนฯ ซิตี คว้าอันดับ 4 ไปครองด้วยการมี 75 แต้มนำหน้ายูไนเต็ดเพียงแค่ 2 แต้ม ทั้งๆ ที่จริงๆแล้วในเกม ปอล ป็อกบา กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช น่าจะเก่งมาก

               ขณะที่ ลิเวอร์พูล จะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 จากการมี 69 แต้ม เรียกได้ว่าหมดลุ้นอันดับ 4 ไปเร็วเหลือเกิน เพราะเกมคำนวณออกมาว่าถึงลิเวอร์พูล จะเอาชนะ สเปอร์ส ได้ 3-1 แต่จากนั้นก็จะไปแพ้เยอะเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นกับอาร์เซนอล, แมนฯ ซิตี, สโตค, เซาแธมป์ตัน หรือแม้กระทั่งเกมเมอร์ซีไซด์ดาร์บีแมทช์ กับ เอฟเวอร์ตัน แต่ในความเป็นจริงคงต้องดูกันว่าการที่ ซาดิโอ มาเน กลับมาแล้วหงส์แดงจะฟื้นคืนสติได้ขนาดไหน

               สำหรับบรรดาทีมตกชั้นจะเป็น ฮัลล์ ซิตี, มิดเดิลสโบรช์ และ ซันเดอร์แลนด์ โดยที่ “จิ้งจอก” เลสเตอร์ แชมป์เก่าจะรอดหวุดหวิดด้วยการมีแค่ 34 แต้ม เหนือ ซันเดอร์แลนด์ กับ โบโร เพียงแค่ 2 แต้ม ซึ่งเรื่องนี้จะเห็นได้ชัดว่าการจำลองของเอฟเอ็มมองว่าศักยภาพของทีมหัวตารางกับท้ายตารางต่างกันมาก มีไม่ถึง 40 แต้มก็รอดการตกชั้นได้แล้ว

               อย่าคิดมากทุกสิ่งทุกอย่างแค่การจำลองในโลกเสมือนจริงเท่านั้น

 

 

-------------------------

('เอฟเอ็ม' คาด พังทั้งผีและหงส์ : โดย...จิตติ)