ข่าว

เวลาเปลี่ยน ฟุตบอลโลกเปลี่ยน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...จิตติ


               สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เพิ่งจะประกาศการเปลี่ยนแปลงฟุตบอลโลกครั้งใหญ่ตั้งแต่ก่อนช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา และในที่สุด จิอันนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่าคนใหม่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงฟุตบอลโลกได้ตามที่หาเสียงเอาไว้

               ในช่วงเลือกตั้งประธานฟีฟ่าคนใหม่เหมือนกับเป็นการล้างบางคนเก่าๆ เมื่อทั้ง เซปป์ แบล็ตเตอร์ และ มิเชล พลาตินี 2 ตัวเต็งที่แท้จริงถูกแบนห้ามลงสมัครด้วยกันทั้งคู่ จึงกลายเป็น จิอันนี อินฟานติโน ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรลูกหนังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และในช่วงที่หาเสียงก็ไม่ธรรมดา

               อดีตทนายชาวสวิตเซอร์แลนด์ หาเสียงเอาไว้ว่าหากได้รับตำแหน่ง ในอนาคตจะเพิ่มทีมในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็น 40 หรือ 48 ทีม ซึ่งหลังจากได้รับตำแหน่งแล้วยังดูเหมือนว่านโยบายนี้คงเป็นแค่การหาเสียงมากกว่า

               สุดท้ายเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา อินฟานติโน สามารถผลักดันให้ชาติสมาชิกลงเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าฟุตบอลโลกจะเปลี่ยนแปลงจาก 32 ทีมไปเป็น 48 ทีมในปี 2026

               หลังจากฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศสที่เพิ่มทีมจาก 24 ทีมมาเป็น 32 ทีม ดูแล้วไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีก แต่การที่จะเพิ่มทีมอีกทีเดียว 16 ทีม เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

               แน่นอนว่าเรื่องของชาติสมาชิกคงไม่มีใครไม่เห็นด้วย เพราะอย่างน้อยชาติของตัวเองก็มีโอกาสได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกมากขึ้นอีกมาก

               นอกจากนี้ฟีฟ่าเองคงทำเงินได้อย่างมหาศาลจากทีมที่เพิ่มขึ้นมา เงินรายได้จากสปอนเซอร์และลิขสิทธิ์ทีวีย่อมมากขึ้น และแน่นอนว่าจะมีส่วนแบ่งให้ชาติสมาชิกมากขึ้น

               นั่นเป็นเหตุผลเรื่องเงิน แต่ในเรื่องของมาตรฐานและความสนุกสนานของฟุตบอลโลกคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

               ทีมที่เพิ่มขึ้นมา 16 ทีม ถือเป็นครึ่งหนึ่งของ 32 ทีมเดิม ทำให้ฟุตบอลโลกมีจนาดใหญ่มากขึ้น และจะเพิ่มเกมจาก 64 นัดไปเป็น 80 นัด เรียกได้ว่าหากบรรดารุ่นก่อตั้งฟุตบอลโลกยังมีชีวิตอยู่คงไม่เชื่อตาตัวเองแน่ว่า ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะมีขนาดใหญ่ขนาดนี้

               จากเดิมที่ฟุตบอลโลกครั้งแรกที่อุรุกวัยเมื่อปี 1930 มีทีมเข้าแข่งขันกันเพียง 13 ชาติ

               จากนั้นมาตรฐานฟุตบอลโลกยุคใหม่อยู่ที่ 24 ทีม ก่อนที่มาตรฐานการเล่นของทีมต่างๆ ทั่วโลกยกระดับขึ้นมาจึงมีการเพิ่มทีมเป็น 32 ทีม แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือการแข่งขันรอบแรกยังแบ่งเป็นกลุ่มละ 4 ทีม จะมีความแตกต่างก็เพียงจำนวนทีมที่มีโอกาสเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

               สำหรับ 32 ทีมแล้วน่าจะเป็นระบบทัวร์นาเมนต์ที่ลงตัวมากที่สุด เพราะเอา 2 ทีมของแต่ละกลุ่มเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปเลย

               ขณะที่การเปลี่ยนแปลงเป็น 48 ทีม ที่จะมีการแบ่งเป็น 16 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีมเพื่อหา 32 ทีมเข้ารอบน็อกเอาท์ น่าจะทำให้ความสนุกในรอบแรกของทัวร์นาเมนต์หายไป ในแต่ละกลุ่มคงมีทีมที่ห่างชั้นกันอยู่และอาจจะทำให้เกมรอบแรกเป็นเหมือนเกมอุ่นเครื่อง ก่อนจะไปเอาจริงเอาจังกันในรอบน็อกเอาท์ ถึงฟีฟ่าจะบอกว่าเป็นการตัดเกมรอบแรกนัดสุดท้ายที่บางครั้งไม่มีผลทิ้งออกไป

               เหตุผลสำคัญที่สุดในการเพิ่มทีมของฟีฟ่าคงไม่มีอย่างอื่นนอกเหนือไปจากเงินทองที่ไหลเข้ามามากขึ้น ชนิดที่คาดหวังว่าจะได้เพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์กันเลยทีเดียว

               ดูแล้วรอบน็อกเอาท์ที่เล่นกันตั้งแต่รอบ 32 ทีม เป็นเหมือนกับเกมเอฟเอ คัพ มากกว่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ซะแล้ว

               ในส่วนของแฟนบอลแน่นอนว่าคงไม่ชอบกับการเปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก ไม่แน่ว่าอีกหน่อยความนิยมของฟุตบอลโลกอาจจะเป็นรองศึกยูโรที่จัดการแข่งขันได้มาตรฐานมากกว่า

               เมื่อมีทีมเล็กๆ เข้ามาเยอะ เรื่องของเกมรับก็จะตามมา ขนาดในยูโร 2016 ที่ทีมในยุโรปมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน หลายๆ ทีมยังต้องเน้นเกมรับไว้ก่อน ทำให้เรื่องของฟุตบอลเกมรุกที่สนุกสนานจะหายไป

               ฟีฟ่ากำลังพยายามหาวิธีที่ทำให้ทัวร์นาเมนต์สนุกขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยรอบแรกอาจจะตัดสินด้วยการดวลจุดโทษหาผู้ชนะไปเลยหากว่าเสมอกัน แต่นั่นก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนให้หลายๆทีมเล่นเกมรับเพื่อไปลุ้นจุดโทษอยู่ดีเมื่อต้องไปเล่นกับทีมใหญ่

               ส่วนอีกแนวคิดที่ยังคิดๆ กันคือยังแบ่งกลุ่มละ 3 ทีมเป็น 16 กลุ่มเหมือนเดิม แต่อาจจะเอาแชมป์กลุ่มเพียงทีมเดียวที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปน็อกเอาท์กัน

               สำหรับเรื่องโควตาของแต่ละทวีปที่ตอนนี้ยังไม่มีการเคาะกันออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีการกะกันว่าทีมเล็กๆ จากหลายทวีปน่าจะมีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลกมากขึ้น แต่ตามข่าวลือแล้วสำหรับยุโรปแล้วจะเพิ่มจาก 13 ทีมไปเป็นเพียงแค่ 16 ทีม

               แอฟริกาอาจจะได้เพิ่มจาก 5 ทีมไปเป็นถึง 9 ทีม เช่นเดียวกับเอเชียที่เคยได้ 4.5 ทีมอาจจะได้เพิ่มอีก 4 ทีมเป็น 8.5 ทีม ขณะที่อเมริกาใต้ที่เล่นรอบคัดเลือกกัน 10 ทีมน่าจะมีถึง 6 ทีมที่ได้เข้ารอบสุดท้าย

               คอนคาเคฟ เป็นโซนที่ได้กำไรจากการเพิ่มทีมเช่นกันอาจจะได้ปรับจาก 3.5 ทีมไปเป็น 6.5 ทีม ส่วนโอเชียเนียที่ยังไงก็เป็นนิวซีแลนด์จะได้โควตา 1 ทีมโดยที่ไม่ต้องเพลย์ออฟกับใคร ส่วนอีก 1 ทีมคือชาติเจ้าภาพ

               เรื่องของโควตาคงเป็นการดูที่จำนวนชาติมากกว่า แต่ก็แปลกเหมือนกันเพราะอเมริกาใต้ที่มีแชมป์โลกรวมกันมา 9 สมัยกลับได้โควตาน้อยกว่าคอนคาเคฟ เอเชีย และแอฟริกา

               กว่าจะถึงปี 2026 ฟุตบอลคงเป็นเรื่องที่มีการลองผิดลองถูกกันอีกเยอะ

 

 

--------------------------

(เวลาเปลี่ยน ฟุตบอลโลกเปลี่ยน : โดย...จิตติ)

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ