อินเดียจัดมวยลีก ชิงเงินรางวัล 3.5ล้าน

               เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่สภามวยแห่งเอเชีย หรือ ดับเบิ้ลยูบีซี เอเชีย ซอยพหลโยธิน 3 กทม. นายกุลดีฟ จักวัตร์ (Kuldeep Shekhawat) พร้อม แซม ทีมงานสองโปรโมเตอร์ใหญ่ชาวอินเดีย ได้เดินทางเข้าพบ “บิ๊กโก” พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ประธานใหญ่สภามวยแห่งเอเชีย และในฐานะรองประธานสภามวยโลก หรือ ดับเบิ้ลยูบีซี เพื่อหารือและขอความร่วมมือ พร้อมเผยถึง โปรแกรมเตรียมจัดการแข่งขันมวยสากลอาชีพขึ้นเป็นรายการใหญ่ครั้งแรกในประเทศอินเดีย โดยมีเงินรางวัลสูงสุดสำหรับผู้ชนะเลิศไม่น้อยกว่า 1 แสนเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 3,500,000 บาทไทย

               ทั้งนี้ นายกุลดีฟ เปิดเผยว่า ทัวร์นาเม้นต์นี้จะเป็นการแข่งขันมวยสากลอาชีพรายการใหญ่ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอินเดีย พร้อมถ่ายทอดสดไปทั่วแดนภารตะ จัดแบบระบบมวยโลกลีก 2017 แบ่งการแข่งขันเป็นมวยชาย 4 รุ่น และมวยหญิงอีก 2 รุ่น ครึ่งหนึ่งจะเป็นนักมวยเจ้าถิ่น และอีกครึ่งหนึ่งจะคัดเลือกจากประเทศต่างๆ ซึ่งมีทั้ง รัสเซีย, อุซเบกิสถาน, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และอีกหลายชาติ ซึ่งในจำนวนนั้นจะมีนักมวยไทยรวมอยู่ด้วย นักมวยทั้งหมดจะบินไปเก็บตัวที่อินเดีย รวมระยะเวลาสองเดือนเต็มทำการฟิตซ้อมและแข่งขันกันทุกสัปดาห์ พร้อมมีถ่ายทอดสดทุกนัด แข่งขันระบบแบบน็อกเอาต์ หรือ แพ้คัดออก รอบแรกชกกำหนด 4 ยก และเขยิบขึ้นไปเป็น 8 ยกในรอบลึกๆ และรอบชิงชนะเลิศ

               สำหรับนักชกคนใดที่ตกรอบแรกจะได้เงินค่าตัวไม่น้อยกว่า 8,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 280,000 บาทไทยเลยทีเดียว ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการฟิตซ้อมเก็บตัวที่อินเดียนั้น ทางสปอนเซอร์ใหญ่ 8 รายจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด การแข่งขันจะเริ่มในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อย่างไรก็ตามจะมีมวยโลกขึ้นเป็นครั้งแรกก่อนในวันที่ 24 ม.ค.นี้ ที่เมืองโบพัล ประเทศอินเดีย (Pro Boxing Night in Bhopal) เป็นนัดปฐมฤกษ์ขึ้นก่อน เพื่อทดสอบความพร้อมก่อนประกาศจัดมวยโลกลีก 2017 ต่อไป

               ขณะที่ “บิ๊กโก” พล.ต.อ.โกวิท ได้กล่าวว่า ทางเราขอต้อนรับด้วยความยินดี พร้อมทั้งขอให้เขาส่งโปรแกรม รายละเอียดการแข่งขันมาให้อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องตามกฏกติกาของสภามวยโลก การจะส่งนักมวยไทยไปร่วมแข่งขันนั้น ก็ต้องปรึกษากับสมาคมมวยอาชีพของไทย, โปรโมเตอร์ และ หัวหน้าคณะที่สนใจ รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆอีกด้วย ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย ค่าตอบแทนต่างๆ ตามความเหมาะสมที่นักชกพึงจะได้รับ ส่วนตัวโดยรวมแล้วถือว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี และเป็นโอกาสดีสำหรับนักมวยไทยและเยาวชนของเราเอง ทั้งนี้ทางสภามวยแห่งเอเชียมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือและการสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ต้องขอดูรายละเอียดของงานอีกครั้งหนึ่ง