โดย...จิตติ
ถือไม่ว่ามีอะไรพลิกล็อกกับเจ้าของรางวัล “ลูกบอลทองคำ” หรือบัลลังดอร์ ที่มอบให้นักเตะยอดเยี่ยมของโลกประจำปีนี้ เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลนี้เป็นสมัยที่ 4 ด้วยคะแนนที่ขาดลอย
รางวัลบัลลงดอร์ ปีนี้มีความแตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ตรงที่นิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล เจ้าของรางวัล แยกตัวมาแจกรางวัลอย่างอิสระอีกครั้ง หลังจากที่มีการแจกรางวัลร่วมกับนักเตะยอดเยี่ยมสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า อยู่หลายปี ทำให้รางวัลดูหมองลงไป
ที่ว่าดูหมองลงไปก็เพราะรางวัลฟีฟ่ายึดหลักมาจากคะแนนโหวตจากโค้ชและกัปตันทีมชาติของชาติสมาชิกเป็นหลัก ดังนั้นเรื่องความชอบส่วนตัวแบบไม่สนใจผลงานจะมีส่วนเข้ามามาก ผิดกับบัลลงดอร์ในอดีต และตอนนี้คือปัจจุบันที่จะให้ผู้สื่อข่าวทั่วโลกเป็นคนโหวต จึงได้รับการยอมรับมากกว่า
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะยังไงผู้สื่อข่าวสายฟุตบอลย่อมเห็นผลงาน และมีโอกาสดูฟุตบอลมากกว่าโค้ชและนักเตะทีมชาตินั่นเอง
หากจะถามว่าเมื่อให้ผู้สื่อข่าวเป็นคนโหวตแล้วจะมีไหมที่บางคนลงคะแนนเสียงด้วยความชอบเป็นการส่วนตัว ต้องตอบว่ามี แต่ถือว่ามีน้อยมาก
อย่างในปีนี้ผลงานของคริสเตียโน โรนัลโด มาเด่นชัดเอามากๆ จึงกวาดคะแนนเสียงไปถึง 745 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง ลิโอเนล เมสซี ที่เข้ามาเป็นอันดับ 2 กว่า 400 แต้ม เพราะเมสซี ได้ไปเพียงแค่ 316 คะแนน นี่หากยังเป็นรางวัลรวมกับรางวัลฟีฟ่า คะแนนอาจจะออกมาสูสีกว่านี้
ส่วนอันดับ 3 เป็น อองตวน กรีซมันน์ ที่แรงขึ้นมามากในปีนี้ได้ไป 198 คะแนน ตามด้วย หลุยส์ ซัวเรซ 91 คะแนน และเนย์มาร์ 68 คะแนน เรียกได้ว่าใน 5 อันดับแรก โรนัลโด ฝ่าบรรดาซูเปอร์สตาร์บาร์เซโลนามาได้ด้วยผลงานล้วนๆ
ที่ว่าผลงานของโรนัลโด เด่นชัดในปีนี้ ไม่ว่าจะผลงานทั้งเล็กทั้งใหญ่ ต่างก็เป็นผลงานที่สะสมมาตลอดทั้งปี
อย่างเล็กๆ แต่ดังก็คือเมื่อเดือนเมษายนที่โรนัลโด นำทีมหยุดสถิติไม่แพ้ใครของ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลนา เอาไว้ที่ 39 นัด ซึ่งในขณะนั้นฟอร์มของบาร์ซา กำลังลงตัวก่อนมาทำศึก “เอล กลาสิโก” ของฤดูกาลที่แล้ว และในเกมบาร์ซา ก็ดูจะได้เปรียบทุกอย่างทั้งการเล่นในคัมป์นู และมีผู้เล่นมากกว่า แต่โรนัลโดก็นำทีมบุกเอาชนะได้
เกมที่โดดเด่นอีกเกมเกิดขึ้นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีม ที่ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ลงป้องกันแชมป์ ในรอบนี้ต้องพบ “หมาป่า” โวล์ฟสบวร์ก จากเยอรมนี หลังมีชัยชนะเหนือบาร์ซาอยู่ 4 วัน และเกมนัดแรกที่ไปเยือนปรากฏว่า โวล์ฟสบวร์ก ตุนประตูนำไว้ก่อน 2-0
เรื่องที่รีล มาดริด จะมาพลิกสถานการณ์ในเกมที่สองมีความเป็นไปได้แต่ก็ถือว่าไม่ง่าย และเป็นโรนัลโด ที่กดแฮตทริกนำทีมเข้ารอบรองชนะเลิศไปได้ด้วยสกอร์ 3-0
เมื่อผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ “ราชันชุดขาว” ทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศและต้องเจอ “ตราหมี” แอต.มาดริด คู่ปรับร่วมเมือง และเป็นคู่แข่งในเกมนัดชิงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี และแม้ว่าเกมชิงชนะเลิศที่มิลาน โรนัลโดจะไม่สามารถทำประตูในเกมที่เสมอกัน 1-1 ใน 120 นาทีได้ แต่บทก็เขียนให้กัปตันทีมรายนี้ยิงประตูชัยในการดวลจุดโทษให้ทีมชนะไป 5-3 คว้าแชมป์สมัยที่ 11 และเป็นทีมแรกที่สามารถป้องกันแชมป์ถ้วยนี้ได้
ส่วนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ หลังจบฤดูกาลที่แล้วคือศึกยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าทีมอย่าง “ฝอยทอง” โปรตุเกส จะเป็นแชมป์ยุโรปสมัยแรกได้เพราะมีทีมเต็งอย่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี, “ตราไก่” ฝรั่งเศส, “กระทิงดุ” สเปน และ “สิงโตคำราม” อังกฤษ
การนำทีมของโรนัลโด ในรอบแรกออกมาไม่ดีนักและต้องลุ้นจนนัดสุดท้ายก่อนจะผ่านรอบแรกด้วยการเสมอทั้ง 3 นัดต่อ ไอซ์แลนด์, ออสเตรีย และฮังการี เข้ารอบเป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม แต่เกมรอบแรกนัดสุดท้ายก็เพราะโรนัลโด นั่นแหละที่ทำ 2 ประตูช่วยตีเสมอให้ทีม 2 ครั้งสองคราจนหลุดเข้ารอบมาได้
จุดเปลี่ยนน่าจะเป็นเกมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่โรนัลโดนำทีมเอาชนะ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ทีมฟอร์มดีในรอบแรกในช่วงต่อเวลา ก่อนจะมีส่วนในการดวลจุดโทษเอาชนะโปแลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย พร้อมทั้งกลับมาทำประตูได้ในรอบรองชนะเลิศที่ชนะ เวลส์ 2-0
ส่วนเกมนัดชิงชนะเลิศแม้ว่า โรนัลโด จะเจ็บต้องออกจากเกมตั้งแต่นาทีที่ 25 แต่หลังจากนั้นสิ่งที่ทุกคนในโลกได้เห็นคือความเป็นผู้นำของดาวเตะรายนี้ที่ออกมาสั่งการและกระตุ้นเพื่อนที่ข้างสนามเหมือนเป็นกุนซือคนที่สองของโปรตุเกส
ผลที่เห็นคือนักเตะโปรตุเกสทุกคนใส่เต็มที่กับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส และเล่นกันแบบถวายหัว ก่อนที่ เอแดร์ จะยิงประตูชัยให้ทีมในช่วงต่อเวลา ทำให้โรนัลโดคือกัปตันทีมชาติโปรตุเกสคนแรกที่นำทีมคว้าแชมป์ยุโรปและแชมป์ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในโปรตุเกส
เป็นอันว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โรนัลโด มีผลงานทั้งการนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโร 2016 ขณะที่ในฤดูกาลนี้ยังนำทัพรีล มาดริด เป็นจ่าฝูงลาลีกา อย่างต่อเนื่อง แถมเมื่อเดือนที่แล้วยังตอกย้ำคะแนนโหวตด้วยการยิงแฮตทริกใส่ แอต.มาดริด ถึงบิเซนเต กัลเดรอน และกำลังจะเป็นแชมป์สโมสรโลกอีกถ้วย
ขณะที่เมสซี นอกจากคว้าแชมป์ในสเปนแล้วแทบจะไม่มีอะไรโดดเด่น ขนาดถ้วยโคปา อเมริกา ที่อาร์เจนตินาหยิบได้ง่ายกว่า โปรตุเกสหยิบถ้วยยูโร 2016 ยังพลาด และเจ้าตัวมีงอนขอเลิกเล่นทีมชาติอยู่ช่วงหนึ่ง
ปี 2016 จึงเป็นปีทองของโรนัลโดอย่างแท้จริง และปีหน้าฟ้าใหม่ก็คงเป็น คริสเตียโน โรนัลโด กับ ลิโอเนล เมสซี นี่แหละที่จะมาวัดกันต่อ
------------------------------
(2016 ปีทองของโรนัลโด : โดย...จิตติ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง