"โด้" นำราชันล่าแชมป์กลุ่มจากเสือเหลืองคืนนี้

ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย คืนวันพุธที่ 7 ธันวาคมนี้ ทั้ง 8 คู่แข่ง เวลา 02.45 น. ไฮไลท์ที่น่าสนใจอยู่ที่กลุ่ม เอฟ เมื่อ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด แชมป์เก่าจากสเปน จะเปิดซานติอาโก เบอร์นาบิว ต้อนรับ “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี เกมนี้แม้ทั้งสองทีมจะผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่มีเดิมพันในการแย่งแชมป์กลุ่ม เนื่องจาก รีล มาดริด เตะ 5 นัด มี 11 แต้มอยู่อันดับ 2 ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ 5 นัด 13 แต้ม นำจ่าฝูง แต่ถ้า “ชุดขาว” เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะจะแซงเข้าป้ายเป็นทีมอันดับ 1 ทันที แต่ถ้าเสมอหรือแพ้จะเข้ารอบในฐานะทีมอันดับ 2

เกมนี้ “ซิซู” ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือเจ้าบ้านหมดสิทธิใช้งาน แกเรธ เบล, โทนี โครส และ อัลบาโร โมราตา ที่บาดเจ็บต้องพักยาว แต่แข้งหลักรายอื่นๆ ลงได้ทั้งหมด จึงน่าจะยึดผู้เล่นจากนัดล่าสุดในศึกแห่งศักดิ์ศรี “เอล กลาซิโก” ที่บุกไปตีเสมอ บาร์เซโลนา 1-1 และรักษาสถิติไม่แพ้ใครในทุกรายการมาแล้วถึง 33 นัดเอาไว้ได้ โดยจะให้ เคย์ลอร์ นาบาส เป็นผู้รักษาประตู 

ส่วนแนวรับมีทั้ง เซร์คิโอ รามอส, ราฟาเอล วาราน, มาร์เซโล และ ดาเนียล คาร์บายัล แดนกลางประกอบไปด้วย อิสโก, มัตเตโอ โควาซิช และ ลูกา โมดริช ขณะที่ แนวรุกใช้ 3 ประสาน คาริม เบนเซมา, ลูคัส วาซเกซ และ คริสเตียโน โรนัลโด

ฝั่งทีมเยือนของกุนซือ โธมัส ทูเคิล ขอเพียงผลเสมอจะเป็นแชมป์กลุ่ม แม้จะไร้ โรมัน เบอร์กี, ราฟาเอล เกอร์เรโร, สเวน เบนเดอร์ และ ชินจิ คากาวะ ที่ยังไม่หายเจ็บ แต่พวกแข้งดังยังพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริง ผู้รักษาประตูยังคงเป็น โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ แนวรับจะใช้ มัทธีอัส กินเทอร์, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, มาร์ค บาร์ตรา 

แดนกลาง ยูเลียน ไวเกิล พร้อมกลับมาประสานงานกับ นูริ ซาฮิน, ลูคัสซ์ ปิสซเซค และ มาร์เซล ชเมลเซอร์ แนวรุก มาริโอ เกิตเซ อาจได้ลงไปช่วย มาร์โก รอยส์ และ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ส่วนอีกคู่ สปอร์ติง ลิสบอน จากแชมป์โปรตุเกสที่มี 3 แต้ม จะเปิดสตาดิโอ ชูเซ อัลวาเลด ต้อนรับ ลีเกีย วอร์ซอว์ จากโปแลนด์ที่มีแต้มเดียว เกมนี้หากทีมใดชนะจะเข้าป้ายอันดับ 3 ได้ตั๋วไปเล่นในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย เป็นรางวัลปลอบใจ แต่ถ้าเสมอจะเป็นเจ้าถิ่นที่ได้สิทธิไป

กลุ่ม อี “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ทีมดังจากอังกฤษ มี 4 แต้ม จะเฝ้าเวมบลีย์ต้อนรับ ซีเอสเคเอ มอสโก แชมป์รัสเซีย มี 3 แต้ม แม้ทั้ง 2 ทีมตกรอบไปแล้ว แต่ยังต้องชิงอันดับ 3 เพื่อคว้าชิงตั๋วไปเล่นในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก โดยเจ้าบ้านขอแค่เสมอจะได้สิทธินี้ไปครองทันที ส่วนอีกคู่ เลเวอร์คูเซน จากเยอรมนี มี 7 แต้ม จะเปิดไบอารีนา พบกับ โมนาโก จากฝรั่งเศส มี 11 แต้ม ซึ่งคู่นี้ผ่านเข้ารอบไปแล้ว โดย โมนาโก เป็นแชมป์กลุ่ม ขณะที่ เลเวอร์คูเซน เป็นรองแชมป์กลุ่ม

กลุ่ม จี “จิ้งจอก” เลสเตอร์ แชมป์พรีเมียร์ลีกที่ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มนี้ไปแล้วมี 13 แต้ม จะบุกไปเยือน ปอร์โต ยักษ์ใหญ่แห่งโปรตุเกสที่มี 8 แต้ม ที่ดราเกา สเตเดียม นัดนี้ทีมเยือนของกุนซือ เคลาดิโอ รานิเอรี อาจส่งนักเตะสำรองลงสนาม เพื่อเก็บแข้งหลักเอาไว้เล่นในเกมลีกที่ฟอร์มแย่ไม่ชนะใครมาแล้ว 5 นัด ส่วนเจ้าบ้านต้องคว้าชัยให้ได้สถานเดียว เพื่อผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เพราะตอนนี้มีสถิติ “เฮด-ทู-เฮด” เป็นรอง โคเปนเฮเกน แชมป์เดนมาร์กที่มี 6 แต้ม ซึ่งจะออกไปเยือนแยน เบรย์เดล สเตเดียม เพื่อฟาดแข้งกับ คลับ บรูช ที่แพ้รวดยังไม่มีแต้ม

กลุ่ม เอช “ม้าลาย” ยูเวนตุส แชมป์กัลโช ซีรีส์ เอ อิตาลี ที่ผ่านเข้ารอบไปแล้วมี 11 แต้ม จะเปิดยูเวนตุส สเตเดียม ต้อนรับ ดินาโม ซาเกรบ แชมป์โครเอเชียที่แพ้รวดยังไม่มีคะแนน นัดนี้หากเจ้าบ้านคว้าชัยจะเข้าป้ายแชมป์กลุ่มไปเลย ส่วนอีกคู่ เซบีญา ทีมดังจากสเปน มี 10 แต้ม จะบุกไปเยือน “โอแอล” โอลิมปิก ลียง ของฝรั่งเศส มี 7 แต้ม ที่ปาร์ค โอลิมปิก ลียง โดยทีมเยือนขอเพียงเสมอจะได้ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม