ข่าว

สสส. ถึงเวลากระตุ้นเด็กไทย เพิ่มกิจกรรมทางกายเลิก “อ้วน”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...อภิชาติ ระวีวัฒน์


               การประกอบกิจกรรมทางกายที่เพียงพอและพอดีเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตของ “มนุษย์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 6-17 ปี ถือเป็นช่วงที่ร่างกายและสมองกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

               ดังนั้นการมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอเพราะในยุคนี้มีคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ช่วยดึงดูดเด็กๆ ให้มานั่งแช่อยู่หน้าจอ อาจส่งผลกระทบให้เด็กมีภาวะน้ำหนักเกิน หรือ “โรคอ้วน” ตามมา แถมยังเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอีกด้วย

               ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ส่งผลให้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมมือกับ The Active Healthy Kids Global Alliance ดำเนินการสำรวจกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชนไทย หรือ “Thailand Report Card on Physical Activity for Children and Youth” และแลกเปลี่ยนผลสำรวจกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนกับอีก 38 ประเทศทั่วโลก

               โดยมีการนำเสนอผลการสำรวจดังกล่าวในการประชุมนานาชาติ ด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกายและสุขภาพ ครั้งที่ 6 (The 6th International Congress on Physical Activity and Health 2016) หรือ ISPAH 2016 เพื่อนำผลการสำรวจมาใช้เป็นยุทธศาสตร์ส่งเสริมกิจกรรมทางกายให้เพียงพอต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชนไทยในอนาคต

 

สสส. ถึงเวลากระตุ้นเด็กไทย เพิ่มกิจกรรมทางกายเลิก “อ้วน”

 

               ล่าสุด ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. ออกมาเปิดเผยว่า การมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอจำเป็นต่อประชากรทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะวัยเด็กอายุตั้งแต่ 6-17 ปี ที่กำลังมีพัฒนาการทางร่างการพร้อมๆ กับพัฒนาการทางสมอง ที่ผ่านมาพบว่าเด็กไทยยังขาดการมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอต่อสุขภาพ และมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง คือการนั่งนิ่งอยู่กับที่ถึงวันละ 13 ชั่วโมง 35 นาที

               ในขณะที่มีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางถึงหนักตามข้อเสนอระดับสากลไม่ถึงวันละ 60 นาที นับเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะอ้วนในเด็กที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการศึกษาโครงการสำรวจกิจกรรมทางกายสำหรับเด็กและเยาวชนไทย หรือรีพอร์ต การ์ด ที่มีการเผยแพร่เป็นครั้งแรกในการประชุมครั้งนี้นั้น เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะนำผลการสำรวจและข้อเปรียบเทียบนี้ มาใช้เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอ ต่อการมีสุขภาพสำหรับเด็กและเยาวชนไทยต่อไป

               “สสส.โดยแผนกิจกรรมทางกายมียุทธศาสตร์การทำงานที่สำคัญ คือ ผลักดันให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ โดยตั้งเป้าภายในปี 2564 คนไทยอายุ 11 ปีขึ้นไป ควรมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของประชากรในช่วงวัยนี้ และภายในปี 2562 ลดจำนวนผู้มีภาวะน้ำหนักตัวเกิน และโรคอ้วนในเด็กให้น้อยกว่าร้อยละ 10 โดยมุ่งส่งเสริมให้มีปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย รวมไปถึงพัฒนางานวิชาการงานวิจัยด้านกิจกรรมทางกายสู่เวทีนานาชาติ” ดร.นพ.ไพโรจน์ เผย

               ด้าน ผศ.ดร.เกษม นครเขตต์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ โดยการสนับสนุนของสสส. กล่าวถึงรายงานผลการสำรวจสถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนไทยปี 2559 ว่าจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างเด็กนักเรียนอายุ 6-17 ปี จำนวน 16,788 คน จาก 336 โรงเรียน ใน 27 จังหวัด 9 ภูมิภาคทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร สรุปได้ว่า ค่าเฉลี่ยการมีกิจกรรมทางกายของเด็กไทยอยู่ในระดับปานกลาง หรืออยู่ระดับเกรดซี แต่มีพฤติกรรมเนือยนิ่งค่อนข้างสูง

               "ผลที่ได้จากโครงการสำรวจรีพอร์ต การ์ด จะเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งร่วมเป็นภาคียุทธศาสตร์กับ สสส.มาโดยตลอด จะนำไปใช้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอ สำหรับเด็กและเยาวชนไทยให้มีสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพทางสังคม และสติปัญญา พร้อมที่จะเป็นผู้รับภาระในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติในอนาคตอย่างเต็มศักยภาพ” ผศ.ดร.เกษม กล่าว

 

สสส. ถึงเวลากระตุ้นเด็กไทย เพิ่มกิจกรรมทางกายเลิก “อ้วน”

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม

 

               ส่วนตัวแทนเด็กไทยที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางกาย อย่าง “น้องน้ำน่าน” ด.ญ.ณภัค เกียรติสุชาติ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบีคอนเฮาส์แย้มสอาด ลาดพร้าว ที่บอกว่า นอกจากจะทำกิจกรรมทางกายที่โรงเรียนด้วยการเล่นกีฬาและเล่นเกมที่มีการเคลื่อนไหวกับเพื่อนๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมทางกายที่ทำที่บ้านเป็นประจำ ด้วยการช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านอีกด้วย

               “งานบ้านที่หนูรับผิดชอบก็จะมีกวาดบ้าน ถูบ้าน และล้างจานค่ะ คุณพ่อคุณแม่บอกว่า การทำงานบ้านนอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระท่านได้แล้ว ยังทำให้หนูได้เคลื่อนไหวร่างกาย การจับไม้กวาด ไม้ถูก็เป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อมือแข็งแรงมากขึ้น และการได้เคลื่อนไหวร่างกายก็ช่วยให้หนูไม่เจ็บป่วยง่าย ตอนนี้นอกจากจะทำความสะอาดที่บ้านแล้ว หนูยังชวนเพื่อนๆ ที่โรงเรียนมาทำกิจกรรมทางกายด้วยกัน"

               ต่อกันด้วยเด็กกิจกรรมตัวยงดีกรีนักร้องประจำโรงเรียนอย่าง ด.ญ.อรไพลิน วณิชย์ธนโอฬาร หรือน้องนิว นักเรียนโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เผยว่า เมื่อมีเวลาว่างหลังเลิกเรียนพอซ้อมร้องเพลงเสร็จแล้วจะต้องหาเวลาเล่นแบดมินตันตลอด อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-4 วัน

               “กิจกรรมทางกายที่หนูชอบนอกจากร้องเพลงแล้ว ก็จะเป็นการเล่นแบดมินตันนี่แหละค่ะ เป็นกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วน และต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทั้งมือทั้งเท้า ตาก็ต้องคอยมองทิศทางของลูก สมองก็ต้องคิดว่าจะเล่นยังไงให้ได้คะแนน มันสนุกมากค่ะ บางทีเรียนมาเครียดๆ ได้เล่นแบดมินตันก็ช่วยให้หายเครียดได้ดีทีเดียว” น้องนิว กล่าวทิ้งท้าย

               ถึงเวลานี้เราควรปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนหันมาให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางกายอย่างจริงจัง เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขาให้เคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้นอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ก็จะสามารถสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อได้อีกทางหนึ่ง!!

 

 

-----------------------------

(สสส. ถึงเวลากระตุ้นเด็กไทย เพิ่มกิจกรรมทางกายเลิก “อ้วน” : โดย...อภิชาติ ระวีวัฒน์)

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ