ท่องยุทธจักรลูกหนังโลก : โดย...จิตติ
แม้ “จิ้งจอก” เลสเตอร์ จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปเรียบร้อยแล้ว ผิดกับฟอร์มการเล่นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าเป็นเพราะ เจมี วาร์ดี ไม่สามารถถล่มประตูได้เหมือนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
เมื่อฤดูกาลที่แล้วส่วนสำคัญที่ทำให้เลสเตอร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างไม่มีใครคาดคิด คือเรื่องการถล่มประตูของ เจมี วาร์ดี ที่ยิงระเบิดแบบไม่มีใครคาดคิดเหมือนกัน จากการยิงไป 24 ประตู เป็นรองดาวซัลโวต่อจาก เซร์คิโอ อาเกโร ของแมนฯ ซิตี เพียงคนเดียว
แต่ในฤดูกาลนี้ตัวเลขบอกชัดว่า วาร์ดี ไม่เหมือนฤดูกาลที่แล้ว เพราะก่อนสัปดาห์นี้เพิ่งจะยิงได้แค่ 2 ประตู ขณะที่ อาเกโร ยังประตูสม่ำเสมอมากกว่า
ไม่น่าเชื่อว่าประตูสุดท้ายในพรีเมียร์ลีกของวาร์ดี ต้องย้อนไปถึงในเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 1-4 เมื่อเดือนกันยายน
จึงมีความคิดกันว่าที่วาร์ดี เป็นแบบนี้เพราะฟอร์มตกหรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะยังไงก็เพิ่งยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษได้ในเกมอุ่นเครื่องที่เสมอ “กระทิงดุ” สเปน 2-2
แต่เมื่อมองภาพรวม 22 เกมหลังสุดของวาร์ดี ยิงได้แค่ 4 ประตูดูจะน้อยเกินไปสำหรับกองหน้าระดับทีมชาติอังกฤษ
เทียบกับเมื่อฤดูกาลที่แล้วความสม่ำเสมอหายไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการทำสถิติยิงประตูติดต่อกันเท่ากับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ทำให้เชื่อกันว่าเรื่องสไตล์การเล่นที่เปลี่ยนไปของเลสเตอร์ น่าจะมีส่วนอย่างมาก
เลสเตอร์ เปลี่ยนไปพอสมควรหลังได้แชมป์ และเอ็นโกโล ก็องเต จากไป มีผลกับโอกาสของวาร์ดี อย่างชัดเจน เพราะ 12 นัดก่อนหน้านี้มีโอกาสส่องประตูเพียงแค่ 15 ครั้งเท่านั้น มีโอกาสน้อยถึงอันดับที่ 62 ของพรีเมียร์ลีกเมื่อเทียบกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นักเตะที่มีโอกาสมากที่สุดในลีก 59 ครั้ง, ฟิลิปเป คูตินโญ 49 ครั้ง และอาเกโร 48 ครั้ง
เมื่อนับจากโอกาส 12 นัดแรก เอามาเฉลี่ยแล้ว วาร์ดี ได้โอกาสยิงเพียงแค่ 1.25 ครั้งต่อเกม คงต้องคมสุดๆ จริงๆ ถึงยิงประตูต่อเนื่องได้
อย่างไรก็ตามล่าสุด เคลาดิโอ รานิเอรี ยังมั่นใจในตัวลูกน้องที่ยิงไม่ได้มา 14 นัดติดต่อกัน
แน่นอนว่านายใหญ่เลสเตอร์คงต้องหาทางแพ้โรควูบของ เจมี วาร์ดี ด้วยโอกาสที่มากขึ้น
--------------------------
(ท่องยุทธจักรลูกหนังโลก : วูบ : โดย...จิตติ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง