“โค้ชคิวบา”สั่งเรื้อใหม่ แก้ไขชกสไตล์มวยไทย

ความเคลื่อนไหวขุนพลนักชกเสื้อกล้ามทีมชาติไทยชุดลุยศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย หลังจาก “บิ๊กบางจาก” นายพิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย และ “บิ๊กชาย” นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคสมาคม ได้บรรลุข้อตกลงสัญญาจ้างเฮดโค้ชชาวคิวบาก็คือ จูเลียน ริคาร์โด กอนซาเลซ เซเดโย เข้ามาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย พร้อมด้วย 2 สตาฟฟ์โค้ชจากคิวบา ได้แก่ เอสเตบัน อเล็กซิส ดิแอซ สกอตต์ กับ ฮวน เอ็นริเก้ เมนเดซ แบร์เรียนตอส เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
    ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ฝึกซ้อมสมาคมฯ ภายใน กกท.หัวหมาก จูเลียน ริคาร์โด กอนซาเลซ เซเดโย หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชาวคิวบา ได้พานักชกชุดใหญ่ทั้งหมดอาทิ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัย บุตรดี, “เจ้าแดง” ธเนศ องค์จันทร์ต๊ะ และ “น้องเอ็ม” ทัศมาลี ทองจันทร์ ประเดิมลงนวมฟิตซ้อมอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกเป็นเวลาประมาณ 2 ชม. ไล่ตั้งแต่เบสิกพื้นฐานการออกหมัด, การเคลื่อนไหวของร่างกายทั้งจังหวะการเข้าทำและเกมรับที่รวดเร็ว และ การลงนวมซ้อมคู่ทั้งชายและหญิง
    ทั้งนี้ เซเดโย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวผ่านล่ามว่า ดีใจที่เห็นนักกีฬาแต่ละคนตั้งใจฟิตซ้อมกันเป็นอย่างดี ทุกคนให้ความสนใจกันเต็มที่ หลายวันที่ผ่านมาหลังจากเดินทางมาถึงไทยตัวเองก็ได้มีโอกาสพูดคุยรู้จักนักชกแต่ละคนบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ทุกคนยิ้มแย้มแถมยังมีอัธยาศัยดีและเป็นกันเองมาก ส่วนการฟิตซ้อมในวันนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเองได้ลงมาดูขั้นตอนการฝึกซ้อมต่างๆทั้งหมดด้วยตัวเอง สิ่งที่จะต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงก็คือ พื้นฐานการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ให้มีความรวดเร็วและแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากนักกีฬาส่วนใหญ่ยังติดสไตล์การชกในรูปแบบมวยไทยมา ส่งผลให้การเคลื่อนไหวยังไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่นัก เพราะถ้าหากจะชกในรูปแบบมวยสากลต้องมีการเคลื่อนไหวตัวเองทั้งเกมรุกและรับให้รวดเร็วกว่านี้ แต่หลายคนก็มีเบสิกในการออกหมัดที่ค่อนข้างดี คาดว่า คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรก่อนจะก้าวไปสู่การฟิตซ้อมที่สูงขึ้น
    ขณะที่ “บิ๊กชาย” นายสมชาย ได้กล่าวว่า หลังจากได้มีการหารือร่วมกันกับทีมงานสตาฟฟ์โค้ชชาวคิวบาเรียบร้อยแล้ว ได้ข้อสรุปคือ หน้าที่การฟิตซ้อมทุกอย่างเราปล่อยให้เขาดูแลทั้งหมด เพราะรูปแบบสไตล์การชกของมวยคิวบากับมวยบ้านเรามันค่อนข้างต่างกันมาก ดังนั้นการที่จะต้องมาปรับพื้นฐานการเคลื่อนไหวตัวในรูปแบบต่างๆให้ดีขึ้น เราต้องยอมเสียเวลาและปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะหากจะหวังความสำเร็จไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ เรื่องดังกล่าวไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด เพราะรูปแบบเดิมนักชกเราแต่ละคนก็มีพื้นฐานมาจากมวยไทยทั้งสิ้น ดังนั้นหากมีการปรับจูนให้ดีขึ้นถือว่า เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง