ข่าว

"ปวีณา ทองสุก"ยึดพระราชดำรัส “สร้างความสุข”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ความประทับใจของ ร.อ.หญิง ปวีณา ทองสุก ในวันที่เข้าเผ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

          พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คณะนักกีฬาทีมชาติไทยที่ได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก เข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2547 ณ พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

          ครั้งนั้นมี ร.อ.หญิง ปวีณา ทองสุก หรือชื่อเล่นว่า “ไก่” นักกีฬาเหรียญทองยกน้ำหนัก รุ่น 75 กก. หญิง อยู่ในคณะด้วย ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มใจให้เจ้าตัวเป็นอย่างมาก หลังจากที่ใฝ่ฝันมานาน ตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักเรียนประถมของโรงเรียนบ้านสว่างโนนแดง จ.สุรินทร์

          “เท่าที่จำความได้ ความฝันเริ่มจากตอนที่คุณครูแจ้งว่าขอยกเลิกการสอนเพราะจะไปรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เมื่อได้ยินเราก็คิดว่าคุณครูโชคดีจังเลยได้ไปรับเสด็จฯ ด้วย ทำให้เราอยากไปบ้าง คิดมาตลอด อยากจะเข้าเฝ้าฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ สักครั้งในชีวิต แบบเห็นไกลๆ ก็ยังดี”

          อันที่จริง ร.อ.หญิง ปวีณา เคยเข้าเฝ้าฯ เมื่อปี 2000 ปีนั้นเธอไม่ได้เหรียญ แต่โชคดีได้ร่วมคณะนักกีฬายกน้ำหนักไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่โปรดเกล้าฯ ให้ น.ท.หญิง เกษราภรณ์ สุตา เหรียญทองแดงยกน้ำหนัก รุ่น 58 กก. หญิง จากกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เข้าเฝ้าฯ โดย น.ท.หญิง เกษราภรณ์ สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักกีฬาหญิงคนแรกของประเทศไทยที่ได้เหรียญจากโอลิมปิก

          “ตอนนั้นไก่ไม่ได้เหรียญ ก็เลยไม่ได้อยู่เบื้องพระพักตร์ ครั้งนั้นพี่เกษได้กราบบังคมทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัล ส่วนไก่เพียงแค่ยืนอยู่ไกลๆ ได้เห็นพระองค์ท่านก็ดีใจมากที่สุดแล้ว ต่อมาปี 2004 ไก่ได้ไปแข่งโอลิมปิก ตอนนั้นนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ไปด้วย และทันทีที่ได้เหรียญทอง สิ่งแรกที่คิดคือคาดหวังอยากจะได้รับพระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ และก็เป็นจริงในที่สุด จากที่เคยมองเห็นพระองค์อยู่ไกลๆ ก็มีวันที่ไก่ได้อยู่แถวหน้า ต่อเบื้องพระพักตร์ พระองค์ทรงพระราชทานเหรียญพระมหาชนกและหนังสือพระราชนิพันธ์พระมหาชนกให้กับมือ ดีใจมากที่สุดในชีวิต”

           ร.อ.หญิง ปวีณา ได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่เข้าเฝ้าฯ มาใช้ในการดำเนินชีวิตตั้งแต่สมัยยังเป็นนักกีฬาต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ที่แม้เลิกเล่นกีฬายกน้ำหนักไปแล้วก็ตาม

           อดีตจอมพลังทีมชาติไทย กล่าวว่า สิ่งแรกคือด้านกีฬา ซึ่งนำไปใช้และยึดเป็นแบบอย่างในขณะที่ยังเป็นนักกีฬาอยู่ ทั้งในเรื่องความเพียรพยายาม การตั้งใจฝึกซ้อม การเคารพกฏกติกาการแข่งขัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นแบบอย่างของนักกีฬา ส่วนตัวมองว่าสำหรับนักกีฬาไทยทุกคนเลย เพราะพระองค์ไม่จำเป็นต้องลงมาทำอะไรเองมากมายขนาดนี้ ไม่ต้องฝึกซ้อมกีฬา แต่พระองค์ทรงทำและทำให้เห็นแบบอย่างของนักกีฬาที่ดี ซึ่งไม่ต้องไปหาที่ไหน อยู่ใกล้คนไทยทุกคนซึ่งคือในหลวง รัชกาลที่ 9

            หลังจากเลิกเล่นก็หันมาช่วยงานในวงการกีฬายกน้ำหนักทั้งในประเทศไทยและระดับนานาชาติ และล่าสุด เข้ารับราชการในตำแหน่ง นักพัฒนาการกีฬาปฎิบัติการ กรมพลศึกษา ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ได้น้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ด้วย

            ปกติแล้ว คนส่วนใหญ่จะเก่งเพียงด้านใดด้านหนึ่ง เช่นเดียวกับตนที่มีความถนัดด้านกีฬายกน้ำหนัก ฉะนั้น ตนก็จะทำหน้าที่ของตัวเองในด้านนี้ให้ออกมาดีที่สุด โดยใช้ความเพียรพยายามที่มี อย่างที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัส ในขณะที่พระองค์ทรงทำงานทุกด้านอย่างไม่มีความเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ซึ่งมากกว่าเราหลายเท่า พระองค์ทรงทำให้ประชาชนชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้น เราทำแค่เรื่องเดียวก็ต้องทำให้ดีที่สุด

            “นอกจากเรื่องความเพียร พระราชดำรัสอีกเรื่องที่นำมาใช้คือความพอเพียง ความพอเพียงมันเริ่มต้นได้จากตัวเรา ไม่ว่าเราจะทำอะไร ถ้าเรามีความพอเพียง เพียงพอ ก็จะทำให้ตัวเราเองรวมถึงครอบครัวและคนรอบข้างมีความสุขไปด้วย แม้วันนี้พระองค์ไม่อยู่แล้ว ก็จะน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในการดำเนินชีวิต พร้อมบอกต่อลูกหลานให้นำไปปฏิบัติด้วย” ร.อ.หญิง ปวีณา กล่าวทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ