ข่าว

ปิดตำนานพญาเซียน“ตึ๊ก โคราช” อดีตนักสอยคิวรุ่นเดอะผู้ทระนง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อดีตเจ้าของเหรียญทองประวัติศาสตร์ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 14 หรือ “ปูซานเกมส์” เมื่อปี 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้


               เป็นอีกหนึ่งใบไม้ที่ร่วงหล่นลงพื้นดิน ลาลับกลับไปสู่บ้านเก่า สำหรับชีวิตเซียนสอยคิวชื่อ “ตึ๊ก โคราช” หรือ นายมงคล กั้นฝากลาง อดีตเจ้าของเหรียญทองประวัติศาสตร์ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 14 หรือ “ปูซานเกมส์” เมื่อปี 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้

               หลังต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมานาน ทั้งถุงลมโป่งพอง และความดันโลหิตสูง ที่สำคัญไปกว่านั้นเมื่อ 3-4 เดือนก่อนหน้านี้ “ปู่ตึ๊ก” ลื่นล้มในบ้านพักทำให้เดินทางไปไหนไม่ได้เหมือนก่อน แถมยังเกิดอาการแผลกดทับติดเชื้อ ก่อนจะเสียชีวิตไปอย่างสงบด้วยวัย 86 ปี แต่ในบัตรประชาชนของ “ปู่ตึ๊ก” ระบุเอาไว้ว่า เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2479 อายุ 80 ปี สงสัยแกคงจะแจ้งเกิดช้าไปนิด

               ย้อนอดีตไปเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว หากเอ่ยชื่อถึง “ตึ๊ก โคราช” โคตรเซียนเดินสายทั่วประเทศคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธความสามารถเป็นแน่แท้ เพราะในยุคนั้นฝีมือเชิงกีฬาสนุกเกอร์และบิลเลียดของเขาไม่น้อยหน้า เซียนกิ๊ด นครสวรรค์, เซียตา ลพบุรี, เซียนเง็ก อ่างทอง, เซียนเก๊า ฟันดำ, เซียนดำ ศรีราชา, เซียนเอ็ง บ้านใหม่ และ เซียนฮุย ประตูน้ำ เลย

               ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่มงคล ออกเดินทางไปทำมาหากินบนผินสักหลาด เขามักจะปลอมตัวเป็นคนขายของเช่น ยาดม-ยาหม่อง หรือไม่ก็ สะพายย่ามแดง เอาของไปขายตามโต๊ะสนุกเกอร์ในหัวเมืองต่างๆ เพื่อให้ดูว่าไม่มีความรู้ในกีฬาชนิดนี้เลย

               แต่ถ้าลองได้จับไม้คิวแต่ละครั้งหากคู่ต่อสู้ยังอ่อนชั้นก็จะค่อยๆแทงกินเหยื่อแบบเชือดนิ่มๆ แต่ถ้าบางครั้งเผอิญเดินสายมาเจอ “เซียน” เหมือนกัน อาวุธเพลงคิวต่างๆ จะออกมาหลายขบวนท่า จนถึงขนาดคนดูตะลึงว่า นี่คนขายยาหม่อง หรือเซียนสอยคิวกันแน่ เนื่องจากสมัยก่อนนั้นข่าวสารกว่าจะสื่อถึงกันนานเป็นเดือน ถ้าเป็นทุกวันนี้ใครแฝงตัวเข้าไปกินถึงถ้ำแค่ถ่ายรูปออกโลกออนไลน์จัดการได้หมด

               แน่นอนว่า ด้วยฝีมือในเชิงกีฬาบิลเลียดของ “ปู่ตึ๊ก” ไม่เป็นรองใครในยุทธจักรนี้ รับใช้ชาติมานานหลายสิบปีทั้งซีเกมส์ และ เอเชี่ยนเกมส์

               ส่วนชีวิตคู่ “ปูตึ๊ก” มีภรรยาเยอะแยะมากมาย แถมยังมีลูกเป็นโขยง เรียกได้ว่าหาเงินมาได้ก็ส่งเสียให้ทั้งลูกและเมียจนหมด ส่วนตัวเองก็หาเงินจากการเดินสายเล่นสนุกเกอร์ไปทั่ว เพราะถึงขนาดอายุจะ 80 ปีแล้วก็ยังรับใช้ชาติได้อย่างสบาย

               แม้ว่าในบางอารมณ์ของ “ปู่ตึ๊ก” เคยน้อยใจผู้บริหารสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ที่ไม่ยอมให้รับใช้ชาติต่อเนื่องจากสายตาและวัยเริ่มชราลงมากแล้ว ปรากฏว่า “ตึ๊ก โคราช” ประกาศออกสื่อว่า จะขอโอนสัญชาติไปเล่นให้ประเทศกัมพูชา เพราะเชื่อมั่นใจฝีมือตัวเองว่า จะเอาชนะนักบิลเลียดไทยได้

               แต่ท้ายที่สุดแล้วในช่วงปลายของชีวิต นายมงคล ต้องอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากเงินที่ได้มาจากชีวิตนักกีฬาใช้ไปกับความฟุ่มเฟือยในเรื่องต่างๆ นับว่าใช้ชีวิตของนักกีฬาและความเป็นนักสู้ได้อย่างคุ้มค่า

               สมกับเป็นนักสอยคิวผู้ทระนง ไม่ย่อท้อต่อความลำบากทั้งตอนเป็นนักกีฬาและผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย หรือแม้แต่ทุกข์ยากเพียงใดก็ตามไม่เคยขอร้องให้ใครมาช่วยเหลือ... ก่อนวาระสุดท้ายจะจากไปอย่างสงบคงเหลือไว้แค่ความทรงจำที่ดีกับเจ้าของฉายา “ตึ๊ก โคราช” หรือ “ติ๊ก หน้าดำ” ที่คนเมืองโคราชรู้จักกันเป็นอย่างดี

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ