'โม-เม' ในโมเมนต์ที่ไม่ถือไม้กอล์ฟ

ทำให้ทั้งคู่ยังมีความสดใส เป็นเด็ก โดยเฉพาะในยามที่ไม่ต้องไปทำหน้าที่ในสนามกอล์ฟ
    บุคลิกของโม อาจดูนิ่งๆ มีระเบียบ เป็นนักวางแผน และเธอเป็นคนวางตารางการเดินทางแข่งขันให้กับตัวเอง น้องสาว แม่ และทีมงานในแต่ละทัวร์นาเมนต์ รวมทั้งคอยจัดแจงความเรียบร้อยต่างๆ ของครอบครัวด้วย ขณะที่น้องสาวเหมือนจะมีหน้าที่หลักๆ คือ สนุกกับกอล์ฟ ดูละครและกิน! (ตามที่ประกาศไว้เองบ่อยครั้ง)
    โมบอกว่า ถ้าในช่วงพักและอยู่บ้านเฉยๆ กว่าจะได้เห็นเม เดินออกมาจากห้องนอน ก็ช่วงที่น้องสาวออกมากินข้าวนั่นหละ แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าถึงในสนาม 'โปรเม' อาจมีผลงานโดดเด่นกว่า แต่เมื่อกลับเข้าบ้านใครเป็นผู้บัญชาการตัวจริงกันแน่
    ยิ่งในเรื่องของกอล์ฟแล้ว พี่สาวดูจริงจังกว่าน้องสาวอย่างชัดเจน เพราะโม บ่นน้องสาวว่าจำอะไรได้ไม่นาน ไม่ต่างจากปลาทอง ทั้งๆ ที่แกรี กิลคริสต์ ผู้ฝึกสอนของทั้งคู่เพิ่งให้คำแนะนำใหม่ๆ ในการฝึกซ้อมมาหมาดๆ
    เปรียบเทียบกันคือ เวลาเรียน โมศึกษารายละเอียดทุกอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่เม เป็นประเภทขอแบบสำเร็จรูป เอาเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้นพอ
    “เม เป็นคนลืมอะไรได้ง่ายมาก เหมือนปลาทอง เพราะปลาทอง จำอะไรได้แค่ 30 วินาทีเท่านั้น เมเป็นแบบนั้น”
    ส่วนเม ก็มักเถียงพี่สาวว่า “เม ว่าไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลอะไรหรอก แค่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างก็พอแล้ว”
    นอกจากการเผากันเองแล้ว สองสาวยังย้อนอดีตไปถึงการมีสายเลือดนักกอล์ฟ ที่ถ่ายทอดมากจาก 'แม่เปิ้ล' นฤมล จุฑานุกาล เพราะแม่ชอบเล่นกอล์ฟ ช่วงที่ตั้งท้องโม ก็ยังตีกอล์ฟอยู่ และหลังจากที่ลูกสาวคลอดออกมา แม่เปิ้ลก็จ้างแคดดี เพื่อมาเลี้ยงลูกในขณะที่ตัวเองออกรอบในสนาม
    ที่สำคัญ โมเปิดเผยความลับที่ไม่เคยบอกใครว่า “แม่ไม่ใช้หัวไม้หนึ่ง หรือไดรเวอร์ ตอนเล่นนะจะบอกให้” (หัวไม้หนึ่ง ใช้ในการเริ่มเล่นบนแท่นตั้งที  โดยสามารถใช้ทีตั้งลูกกอล์ฟ แล้วตีออกไป หัวไม้หนึ่งจึงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เรื่มต้นในการเล่นแต่ละหลุม  ยกเว้นหลุมพาร์ 3 ซึ่งมีระยะสั้น)
    นี่เป็นการส่งต่อทางพันธุกรรมชัดๆ เพราะอีก 10 กว่าปีให้หลัง 'โปรเม' ก็เดินตามรอยแม่เปิ้ล จนกวาดไปแล้ว 5 แชมป์ในปีนี้
    เลส ลูอาร์ก อดีตแคดดีของเม แนะนำให้โปรกอล์ฟหญิงมือวางอันดับ 2 ของโลกคนนี้ ใช้เหล็ก 2 ในการทีออฟ แทนการใช้ไดรเวอร์ เมื่อปีที่แล้ว และผลงานของเม ก็พุ่งพรวดในปีนี้ ขยับจากอันดับไกลๆ เข้าสู่ท็อปเทน ก่อนจะมารั้งอันดับ 2 เป็นรองเพียง ลิเดีย โค โปรกอล์ฟนิวซีแลนด์เชื้อสายเกาหลี เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เอรียา ก็มีความสุขทุกครั้งที่ใช้ไดรเวอร์ แล้วตีได้ดี
    “เม ตื่นเต้นทุกครั้งที่ทีออฟด้วยไดรเวอร์ แล้วถ้าตีได้ดี ทำให้รู้สึกเจ๋งมาก ตอนทำเบอร์ดี หรืออีเกิล ยังไม่รู้สึกดีเท่านี้”
    เม ยังเปิดใจอีกว่าสิ่งที่ทำให้สนุกกับกอล์ฟในทุกวันนี้ คือ ความท้าทาย
    “ก่อนหน้านี้ เมไม่เคยรู้เลยว่า ที่เมชอบเล่นกอล์ฟเพราะสนุก หรือเพราะสามารถหาเงินมาดูแลตัวเองและครอบครัวได้ แต่ตอนนี้เมรู้แล้วว่า เมชอบความท้าทาย เพราะทำให้สนุกกับกอล์ฟมาจนถึงตอนนี้”
    หลังจากที่แยกทางกับลูอาร์ก แล้ว เมหวั่นว่าจะหาแคดดีคนใหม่ที่ความสามารถเทียบเท่ากับลูอาร์ก ได้ยาก แต่เมื่อได้ร่วมงานกับ พีท ก็อดฟรีย์ แคดดีที่ดูแลโม อยู่แล้ว ก็ได้พบอะไรใหม่ๆ อีกมากมาย
    ก่อนหน้านี้ เมและทีมงานค้นพบว่า “รอยยิ้ม” เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยนำไปสู่ความสำเร็จ และก็อดฟรีย์ ก็มีส่วนช่วยรักษารอยยิ้มนั้นไว้ระหว่างแข่งขัน
    “ตอนที่เม พัตต์เบอร์ดี ที่หลุม 11 พลาด ในรายการ มานูไลฟ์ พีทถามเมว่า เคยดูการ์ตูนเรื่อง โฟรเซน ไหม เคยได้ยินเพลง เล็ท อิท โก หรือเปล่า ตอนนั้นเม หลุดหัวเราะออกมาเลย”
    แม้ดูเหมือนว่า 'โปรเม' เดินหน้าอาชีพกอล์ฟไปแบบสบายๆ เรื่อยๆ แต่สองพี่น้องนักกอล์ฟขวัญใจคนไทยก็เตรียมเพิ่มศักยภาพใหม่ๆ ให้ตัวเอง ด้วยการจ้างผู้ฝึกสอนจาก 'วิชัน 54' ที่คอยดูแลและเพิ่มศักยภาพนักกอล์ฟทั้งในเรื่องของสภาพร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และเรื่องเบ็ดเตล็ดต่างๆ ที่ขาดไม่ได้สำหรับโปรกอล์ฟทุกคน เมยอมรับว่าต้องมองไปถึงอนาคตให้มากขึ้น ไม่ใช่จะเรื่อยๆ สบายๆ แบบนี้อีกต่อไปแล้ว โดยสิ่งที่ทีมงานเตือนคือต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี เพื่อจะได้เล่นกอล์ฟไปอีกนานๆ
    ถึงแม้จะอยู่ในวันสบายๆ ของโมกับเม แต่เมื่อได้คุยกันแบบเปิดใจแล้ว กอล์ฟยังคงเป็นเรื่องหลักในชีวิตของพวกเธอ
    ถึงแม้ว่าบางครั้งจะมีเรื่องของ ขนม ไอศกรีม ละคร เข้ามาวนเวียนตามประสาเด็กๆ ก็เถอะ!
.
ขอบคุณภาพจาก www.golfweek.com