ฝรั่งเศส-โปรตุเกส "โรนัลโด้"วัดคม"กริซมันน์"ชิงถ้วยยูโรคืนนี

ศึกยูโร 2016 นัดชิงชนะเลิศที่สนามสต๊าด เดอ ฟรองซ์ วันที่ 10 ก.ค. เวลา 02.00 น. จะเป็นการพบกันระหว่าง "ฝอยทอง" โปรตุเกส ที่ยังไม่เคยได้แชมป์ในถ้วยนี้ กับ "ตราไก่" ฝรั่งเศส เจ้าภาพที่คว้าแชมป์ถ้วยนี้มาแล้ว 2 สมัย
    ในรอบที่ผ่านมา โปรตุเกส ที่เคยเข้าชิงชนะเลิศมาเมื่อปี 2004 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพแต่แพ้กรีซ 0-1 โชว์ฟอร์มไม่ดีนักในรอบแรกจากการเสมอทั้ง 3 นัดกับ ไอซ์แลนด์ 1-1, ออสเตรีย 0-0 และ ฮังการี 3-3 ก่อนจะมาชนะ โครเอเชีย 1-0 ในช่วงต่อเวลาของรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะโปแลนด์ด้วยการยิงจุดโทษหลังเสมอ 1-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะมาเอาชนะ เวลส์ 2-0 ในรอบรองชนะเลิศ
    ขณะที่ ฝรั่งเศส ที่เป็นแชมป์ถ้วยนี้มาในปี 1984 และ 2000 ในรอบแรกเอาชนะ โรมาเนีย 2-1, แอลเบเนีย 2-0 และเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0 ก่อนที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะ ไอร์แลนด์ 2-1, รอบ 8 ทีมสุดท้ายชนะ ไอซ์แลนด์ 5-2 และรอบรองชนะเลิศเอาชนะ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี แชมป์โลกมา 2-0
    ในส่วนของความพร้อม โปรตุเกส กำลังมั่นใจเต็มที่หลังจากที่เอาชนะ เวลส์ มาได้ในรอบที่แล้ว และฟอร์มของ คริสเตียโน โรนัลโด้ กำลังดีขึ้นเรื่อยๆหลังจากทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมล่าสุด อีกทั้ง เฟอร์นันโด ซานโตส กุนซือของทีมจะขนผู้เล่นชุดใหญ่กลับลงสนามได้ครบ
    แนวรับน่าจะได้ เปเป้ ที่ไม่ได้เล่นในรอบรองชนะเลิศเพราะไม่ฟิต 100 เปอร์เซนต์ กลับมาเป็นหัวใจในแนวรับอีกครั้ง และจะยืนเซ็นเตอร์แบ็คคู่กับ ชูเซ ฟอนเต ขณะที่ฟลูแบ็ค 2 ข้างยังคงเป็น เซดริก ซัวเรส กับ ราฟาเอล เกอร์เรโร    
    แดนกลางจะมี วิลเลียม คาร์วัลโญ พ้นโทษแบนกลับมา มีโอกาสจะกลับมาเป็นตัวจริงในแดนกลางแทนที่ ดานิโล และจุดที่ ซานโตส จะต้องตัดสินใจคือมิดฟิลด์ตัวรุกที่ยังจะใช้ เรนาโต ซานเชส ดาวรุ่งวัย 20 ปีเป็นตัวจริงต่อไปหรือจะให้ อังเดร โกเมส กับมาเป็นตัวจริงหลังจากที่ โกเมส เรียกความฟิตกลับมาสมบูรณ์เต็มที่แล้ว ขณะที่แดนหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนจะใช้ คริสเตียโน โรนัลโด้ ยืนคู่กับ นานี    ฝั่ง ฝรั่งเศส ของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กำลังมีทีมที่ลงตัวหลังจากใช้ทีมชุดเดียวกันไล่ถล่ม ไอซ์แลนด์ 5-2 และเล่นด้วยแทกติกเอาชนะ เยอรมนี มา 2-0 ทำให้นายใหญ่ทีมชาติฝรั่งเศสจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีมแน่นอน เพราะ 11 ตัวจริงใน 2 เกมล่าสุดแสดงให้เห็นแล้วว่าเด่นทั้งเรื่องเกมรุกและรับ อีกทั้งระบบ 4-4-2 ที่เพิ่งมาปรับใช้ตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายยังส่งผลให้ อองตวน กรีซมันน์ ระเบิดฟอร์มยิงไปแล้ว 6 ประตูมีโอกาสสูงที่จะคว้าตำแหน่งดาวซัลโว    
    แนวรับหัวใจสำคัญยังเป็นการจับคู่กันของ ซามูแอล อุมติตี้ กับ โลรองต์ กอสเซลนี แม้ว่าคู่เซ็นเตอร์แบ็คคู่นี้จะเพิ่งจะเคยเล่นร่วมกันมาเพียง 2 นัด แต่ผลงานที่ผ่านมาถือว่าดีเกินคาด ขณะที่ ปาทริซ เอฟรา กับ บาคารี ซาญา จะเล่นเป็นฟลูแบ็คเหมือนทุกนัดในทัวร์นาเม้นต์นี้
    แดนกลาง ปอล ปอกบา กับ แบรส มาตุยดี จะทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์คู่กลางมี ดิมิทรี ปาเยต์ กับ มุสซา ซิสโซโก ขึ้นเกมที่ริมเส้น โดยที่กองหน้าจะเล่นกองหน้าคู่ อองตวน กรีซมันน์ จะยังเล่นเป็นหน้าต่ำตำแหน่งที่ทำให้ยิงประตูได้ถล่มทลาย และหัวหอกตัวเป้ายังคงเป็น โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แม้เกมล่าสุดจะเล่นไม่ออกเท่าไรนัก
    สำหรับสถิติที่พบกันมาของคู่นี้ฝรั่งเศสครองสถิติที่เหนือกว่ามากในการพบกันมาแล้ว 24 ครั้ง ทีมตราไก่เอาชนะได้ถึง 18 ครั้ง โปรตุเกส ชนะได้เพียง 5 ครั้ง และเสมอกันอีก 1 ครั้ง โดย 10 ครั้งหลังสดที่พบกันตั้งแต่ปี 1975 ฝรั่งเศส ชนะรวด
    ในส่วนของผู้ตัดสินในนัดนี้จะเป็น มาร์ค แคลทเทนเบิร์ก ผู้ตัดสินชาวอังกฤษวัย 41 ปีที่ได้พักมาเต็มๆเมื่อไม่ได้ลงตัดสินในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และรอบรองชนะเลิศ ซึ่งผลงานในปีนี้ได้ลงตัดสินเกมชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ และเกมชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก มาแล้ว รวมทั้งลงตัดสินยูโร 2016 มาแล้ว 3 นัด ในเกม สาธารณรัฐ เช็ก เสมอ โครเอเชีย 2-2 กับ อิตาลี ชนะ เบลเยี่ยม 2-0 ในรอบแรก และเกมสุดท้ายคือเกมที่ โปแลนด์ ดวลจุดโทษชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย
    ส่วนผลงานในอดีตนอกจากจะตัดสินเกมใหญ่ๆในอังกฤษ รวมทั้งฟุตบอลโลก และยูโร แล้วยังเคยลงตัดสินเกมชิงเหรียญทองฟุตบอลโอลิมปิก 2012 มาแล้ว ขณะที่ทีมงานผู้ตัดสินจะมาจากอังกฤษทั้งหมดยกเว้น วิคเตอร์ คัสไซ ผู้ตัดสินที่ 4 ชาวฮังการี 
    ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โปรตุเกส ในระบบ 4-4-2 
    ผู้รักษาประตู - รุย ปาทริซิโอ, กองหลัง - เซดริก ซัวเรส, เปเป้, ชูเซ ฟอนเต, ราฟาเอล เกอร์เรโร
    กองกลาง - วิลเลียม คาร์วัลโญ, อาเดรียน ซิลวา, เรนาโต ซานเชส, เจา มาริโอ
    กองหน้า -  นานี, คริสเตียโน โรนัลโด้
ฝรั่งเศส ในระบบ 4-4-2 
    ผู้รักษาประตู - อูโก ยอริส
    กองหลัง - บาคารี ซาญา, ซามูแอล อุมติตี้, โลรองต์ กอสเซลนี, ปาทริซ เอฟรา
    กองกลาง - ปอล ป็อกบา, แบรส มาตุยดี, มุสซา ซิสโซโก, ดิมิทรี ปาเยต์
    กองหน้า - อองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเยร์ ชิรูด์
ผู้ตัดสิน - มาร์ค แคลทเทนเบิร์ก (อังกฤษ)