‘น้องคอปเตอร์’แชมป์โลกถูกเจ็ทสกีชนขณะซ้อมดับ

       

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุสลดเด็กชายฉันทัช ฉันทะสันติธรรม อายุ 14 ปี หรือน้องคอปเตอร์นักกีฬาเจ็ตสกีเยาวชนไทยฝีมือฉกาจ สังกัดทีมฟิฟตี้ไนน์เรซซิ่ง นักกีฬาเยาวชนแชมป์โลก 2015 ผู้สร้างชื่อเสียงให้วงการเจ็ทสกีไทย ได้เสียชีวิตลงเมื่อวานที่ 5 มิถุนายน เนื่องจากประสบอุบัติเหตุในระหว่างลงฝึกซ้อมที่บึงเจ้าสมุทรสมุทรปราการ ซอยชำนิ ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสนามฝึกซ้อมของ ทีม FIFTY-NINE Racing 

          

          เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 6 มิถุนายน 2559 ชมรมเจ็ตสกี ฟิฟตี้ไนน์เรซซิ่ง พร้อมด้วยคณะได้ร่วมกันนิมนต์พระสงฆ์ มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ น้องคอปเตอร์ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดเขียนเขต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในช่วงเย็นของวันนี้ซึ่งจะตั้งสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 5 คืน

                  

          ซึ่งก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงสายของวานนี้ นายสัจจา ฉันทะสันติธรรม บิดาน้องคอปเตอร์ ได้พาน้องคอปเตอร์มาทำการฝึกซ้อมที่บึงเจ้าสมุทรซึ่งเป็นสถานที่ซ้อมเจ็ตสกี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปแข่งขันชิงแชปม์ประเทศไทย สนาม 3 ที่จังหวัดยโสธร ในวันที่ 2–3 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ และแข่งขันรักษาแชมป์โลกที่เลคฮาวาซู รัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา ช่วงเดือนกันยายนปลายปีนี้ หลังจากที่น้องคอปเตอร์ ลงซ้อมคู่กับนักสกีรุ่นน้องวัย 9 ขวบทีมเดียวกัน ในระหว่างที่น้องคอปเตอร์ลงซ้อมในรอบที่ 2 ได้เพียง 3 รอบ ในช่วงหักโค้งตัวเอส ทุ่นสีชมพู ด้วยความเร็ว ได้เกิดพลาดพลัดตกจากเจ็ตสกี ทำให้นักแข่งเจ็ตสกีรุ่นน้องที่ไล่หลังมาและตีโค้งวงนอกชนเข้าที่ใบหน้าของน้องคอปเตอร์อย่างเต็มแรง เป็นเหตุให้เสียชีวิต

                       

          จากการสอบถามนายประดิษฐ์ โลปัดถา เจ้าหน้าที่ฟิฟตี้ไนน์เรซซิ่ง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายสัจจา บิดาของผู้ตาย ได้พาน้องคอปเตอร์มาซ้อมขับเจ็ตสกีเพื่อเก็บคะแนนที่ บึงเจ้าสมุทร ซึ่งเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่พื้นที่กว่าร้อยไร่และเป็นสถานที่ซ้อมขับขี่เจ็ตสกี เพื่อเตรียมไปแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย สนาม 3 ในจังหวัดยโสธร ในวันที่ 2–3 กรกฎาคมนี้ และแข่งขันรักษาแชมป์โลกที่เลคฮาวาซู รัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา ช่วงเดือนกันยายน จนกระเวลาประมาณ 14.20 น. ขณะที่น้องคอปเตอร์ ได้นำเจตสกีคู่ใจแบบยืน หมายเลข T99 ลงฝึกซ้อม โดยมีนักแข็งเจ็ตสกีรุ่นน้องวัย 9 ปีทีมเดียวกัน เป็นคู่ฝึกซ้อม 

                    

          ระหว่างที่น้องคอปเตอร์ กำลังจะเร่งเครื่อง แซงวงในในโค้งตัวเอส ทุ่นสีชมพู ได้เกิดเสียหลักตกลงจากเจตสกี ก่อนที่นักแข่งเจ็ตสกีรุ่นน้องที่ไล่หลังมาติดๆ ได้เฉี่ยวชนที่ใบหน้าของน้องคอปเตอร์ เข้าอย่างจังจนหมดสติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ในทีมที่เห็นเหตุการณ์ จะลงไปช่วยเหลือน้องคอปเตอร์ขึ้นมาและรีบส่งรักษาที่โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ ก่อนที่จะเสียชีวิต สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวตนก็เสียใจเป็นอย่างมากกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เพราะไม่เคยมีอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นในบึงซ้อมเจ็ตสกีของเราเลยครั้งนี้เป็นครั้งแรก

   

          สำหรับ น้องคอปเตอร์ เริ่มต้นการแข่งขันความเร็วกับรถโกคาร์ท มาก่อนจะหันมาแข่งขันเจ็ตสกีเมื่อปี 2557 ก่อนจะมาคว้าแชมป์ประเทศไทยในรุ่นมือใหม่เจ็ตสกียืน และเดินทางไปทำการแข่งขันรายการชิงแชมป์โลก เวิลด์ ไฟนอล ที่เลค ฮาวาซู อริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนตุลาคมที่ปีแล้ว ก่อนจะคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จในรุ่นเดียวกัน

 

          ด้านนายปริเขต สืบสหการ ที่ปรึกษาสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ผู้ดูแลการแข่งขันของนักกีฬาทั้งการชิงแชมป์ประเทศไทย และชิงแชมป์โลก ยอมรับว่าความสูญเสียครั้งนี้ครั้งยิ่งใหญ่ของสมาคม เพราะ คอปเตอร์ เป็นดาวรุ่งที่มีความสำคัญกับวงการเจ็ตสกีไทยทั้งตอนนี้ และในอนาคต

 

          "ผมรู้สึกตกใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ รู้สึกช็อก และเสียใจอย่างมากจริงๆ คอปเตอร์ ถือเป็นคลื่นลูกใหม่ ที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก อายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น แตต่สามารถข้ามรุ่นเยาวชนขึ้นไปแข่งกับผู้ใหญ่ และคว้าแชมป์โลกให้กับประเทศไทยได้ เท่านี้คงพอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นนักกีฬาที่มีความสำคัญต่อวงการเจ็ตสกีไทยมาก ตอนนี้ทุกคนต่างพูดไม่ออกจริงๆ" นายปริเขตกล่าว

 

          ส่วนกำหนดการบำเพ็ญกุศล เด็กชายฉันทัช ฉันทะสันติธรรม มีขึ้นที่ ศาลาใหญ่ วัดเขียนเขต อำเภอธัญญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยอาบน้ำศพเวลา 16.00 น. เมื่อวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน และจะทำการสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่จันทร์ที่ 6 มิถุนายน ถึงวันที่ศุกร์ที่ 10 มิถุนายนเวลา 19.00 น. และจะมีพิธพิธีฌาปนกิจในวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน เวลา 16.00 น.

          

          "เจ-เจตริน วรรธนะสิน" ได้โพสต์อินสตราแกรม แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง การจากไปของ น้องคอปเตอร์ นักกีฬาเยาวชนแชมป์โลก 2015 ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และความภูมิใจของครอบครัว