ขนไก่ได้ลุ้นตัดเอเซียตา

           ความเคลื่อนไหวของการแข่งขันแบดมินตันรายการพิเศษ "เอเซียตาคัพ" ซึ่งอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โดยการแข่งขันในรอบแรก ซึ่งเล่นแบบพบกันหมด ทีมไทยทำคะแนนเข้ามาเป็นอันดับ 3 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ โดยจะพบกับทีมใดทีมหนึ่งระหว่าง อินโดนีเซีย ที่มีคะแนนเป็นอันดับ 1 กับมาเลเซีย ที่เป็นอันดับ 2 ซึ่งจะต้องรอการจับสลากประกบคู่ในช่วงเย็นวันที่ 12 เมษายนนี้

           ล่าสุด นายสุรศักดิ์ ส่งวรกุลพันธ์ เลขาธิการสมาคมแบดมินตัน กล่าวว่า สำหรับการเล่นในรอบตัดเชือกและรอบชิงชนะเลิศ ที่จะมีขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทีมไทยจะออกเดินทางช่วงเช้าวันที่ 12 เมษายน จากนั้นเล่นรอบตัดเชือกในวันที่ 13 เมษายน และนัดชิงชนะเลิศหรือชิงที่ 3 ในวันที่ 14 เมษายน ต่อจากนั้นในวันที่ 15 เมษายน ก็จะออกเดินทางต่อไปยังกรุงไทเป ไต้หวัน เพื่อร่วมการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์เอเชียต่อไป

           "สำหรับกติกาในการเล่นรอบตัดเชือกและรอบชิงชนะเลิศนั้น ยังคงเล่นกัน 4 คู่ คือ ชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว ชายคู่ และคู่ผสม เหมือนเดิม โดยทีมชนะจะได้ 1 แต้ม แต่หากผลออกมาต่างฝ่ายต่างชนะกันทีมละ 2 นัด ก็จะไปนับกันที่เกมได้เกมเสียว่าทีมใดดีกว่ากัน ซึ่งถ้ายังเท่ากันอีกก็จะไปนับแต้มรวมของทุกคู่ ที่ถ้าเท่ากันอีกก็จะวัดผลสุดท้ายด้วยผลการแข่งขันประเภทชายเดี่ยว ที่ฝ่ายใดชนะก็จะเป็นผู้ชนะในแมทช์นั้นทันที"

           ด้านนายสมพล คูเกษมกิจ ผู้ฝึกสอนทีมแบดมินตันไทย กล่าวว่า ในการเล่นรอบตัดเชือกนั้น ทุกทีมจะยังคงใช้ผู้เล่นชุดเดิมทั้งหมด เพราะตามกติกาของฝ่ายจัดการแข่งขันไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวนักกีฬาไทย ส่วนการจับสลากว่าทีมไทยจะพบกับทีมใดถือเป็นศึกหนักทั้งสิ้น เพราะต้องยอมรับทีมตบลูกขนไก่ไทยเป็นรองทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียเล็กน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสชนะ เรียกว่าเป็นรองก็เป็นรองแบบสูสี คือประมาณ 49-51 เท่านั้น

           "หากให้เลือกตรงนี้ ผมขอพบมาเลเซีย เพราะน่าจะมีโอกาสมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูด้วยว่า ลี ชอง เหว่ย นักตบมือ 1 ของโลก ที่มีชื่อร่วมทีมมาเลเซียลงเล่นรายการนี้ด้วย แต่ไม่ได้ลงเล่นในรอบแรกแม้แต่นัดเดียว โดยให้ ดาร์เรน ลิว ลงเล่นเป็นเดี่ยวมือ 1 ตลอด จะกลับมาลงสนามด้วยหรือไม่ เพราะถ้ากลับมาก็จะเป็นศึกหนักของทีมไทยที่อาจต้องมีการปรับแผนการเล่นใหม่ทั้งหมดทันที" นายสมพล กล่าว