ข่าว

เทควันโดเฮได้งบจัดคัดโอลิมปิก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'บิ๊กเอ' พิมล ศรีวิกรม์ ยิ้มหลังกองทุนฯ อนุมัติเงิน 8 ล้านบาท จัดเทควันโดรอบคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ โซนเอเชีย เดือนพ.ย.นี้ แต่ยังขาดอีก 4 ล้าน เตรียมขอเอกชนเข้าช่วย คาดมีนักเตะร่วมแข่งกว่า 100 คน ส่วนไทยขอลุ้นอีก 3 ที่นั่งให้ครบโควตา

          ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันเทควันโด รอบคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ โซนเอเชีย ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายนนี้ ว่า ถือว่าเป็นข่าวดีที่กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ อนุมัติงบประมาณจัดการแข่งขันให้มาแล้ว 8 ล้านบาท จากที่เสนอขอไป 12 ล้านบาท แม้ว่าจะไม่ได้ครบทั้งหมดแต่ก็ช่วยให้การดำเนินงานคล่องตัวขึ้นกว่าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในส่วนของงบประมาณที่ขาดอีก 4 ล้านบาทนั้น ทางสมาคมจะต้องใช้งบประมาณของตัวเอง 1-2 ล้านบาท และอีกส่วนได้พูดคุยกับภาคเอกชนไว้บ้างแล้ว ซึ่งคาดว่าในส่วนนี้น่าจะลุล่วงลงตัว

          "สำหรับการแข่งขันครั้งนี้จะมีนักกีฬาจาก 43 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน มีนักกีฬากว่า 100 คน โดยแต่ละรุ่นจัดคัดเลือก 3 อันดับแรกได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2012 รอบสุดท้าย ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษในปีหน้า ซึ่งรอบคัดเลือกคราวนี้เราจะส่งนักกีฬาเข้าคัดเลือกอีก 3 รุ่น เป็นชาย 1 รุ่น และ หญิง 2 รุ่น ส่วนใหญ่จะเน้นที่รุ่นเล็กเป็นหลัก และมีโอกาสค่อนข้างมากเนื่องจาก เกาหลีใต้ ไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน เนื่องจากได้โควตาไปครบ 4 ที่นั่งจากการคัดเลือกครั้งแรกที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อหลายเดือนก่อน"

          นายกสมามเทควันโดไทย กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเตรียมนักกีฬานั้น เนื่องจากการแข่งขันทควันโด รอบคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ โซนเอเชีย ครั้งนี้จะใช้เกราะไฟฟ้ายี่ห้อใหม่ จากเดิมคือ ลาจัสต์ ของสหรัฐอเมริกา ต้องเปลี่ยนเป็นยี่ห้อ แดโด ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นยี่ห้อที่จะใช้ในโอลิมปิกเกมส์ ที่ลอนดอนด้วย โดยระบบการสัมผัสเท้า กับเกราะเพื่อได้แต้มเปลี่ยนไปมาก ซึ่งตอนนี้นักกีฬาอยู่ในช่วงปรับตัวเพื่อให้คุ้นเคยกับเกราะไฟฟ้าใหม่โดยเร็ว

          สำหรับทีมเทควันโดไทย สามารถคว้าสิทธิไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ มาได้แล้ว 1 ที่นั่ง จาก เป็นเอก การะเกตุ ในรุ่น 58 กก.ชาย หลังจากไปได้แชมป์ในรอบคัดเลือกที่ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อเดือนกรกฎาคม

 

น้ำท่วมทั่วประเทศเลื่อนยกเหล็กยช.จัดใหม่ปลายธันวา

          "เสธ.ยอด" พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ประกาศเลื่อนจัดการแข่งขันศึกยกลูกเหล็กเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งจะมีขึ้นในปลายเดือนนี้ ที่ จ.ชลบุรี ออกไปก่อน เหตุพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศถูกน้ำท่วมหนัก พร้อมโยกไปจัดปลายเดือน ธ.ค.แทน

          ตามที่สมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กำหนดจัดการแข่งขัน "อีกแกท ยกน้ำหนักเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2554 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 5" ระหว่างวันที่ 21-25 ตุลาคม ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสวนหลวง ร. 9 จ.ชลบุรี

          ล่าสุด "เสธ.ยอด" พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เดิมการแข่งขันได้เตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว แต่เนื่องจากในช่วงเดือนที่ผ่านมา พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยประสบอุทกภัยอย่างหนัก จนพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ประกอบกับเส้นทางในการเดินทางในพื้นที่หลายจังหวัดมีปัญหา ถนนหนทางโดนน้ำท่วมหนักเดินทางไม่ได้ จึงได้หารือกับคณะกรรมการจัดการแข่งขันขอเลื่อนการแข่งขันออกไปก่อน เพราะหลายสโมสรสมาชิกที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน ต่างก็ได้รับผลกระทบจากอุทุกภัยครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

          นอกจากนี้ นายกสมาคมยกน้ำหนักยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของกำหนดการแข่งขันครั้งใหม่นั้น ก็ได้จัดโปรแกรมออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดไว้หลังการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน -7 ธันวาคม ที่ จ.ขอนแก่น โดยศึกอีแกทยกน้ำหนักเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2554 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสวนหลวง ร. 9 จ.ชลบุรี เหมือนเดิม

 

ม้าไทยผงาดแชมป์สุลต่านบีซานคัพ

          ม้าไทยประกาศศักดาคว้าแชมป์ สุลต่านบีซานคัพ 2011 ที่มาเลเซีย หลัง "ผึ้ง" วิภาวรรณ พาวิทยลาภ นักขี่ม้าสาวหนึ่งเดียวของไทยเข้าวินอันดับ 1 คว้าเงินรางวัล 6 แสนบาท ส่วน "น้องเมฆ" วริศ คุณธาราภรณ์ ได้อันดับ 4 รับ 1.8 แสนบาท เบ็ดเสร็จทั้งคู่รับเงินไปเกือบหนึ่งล้านบาท

          การแข่งขันขี่ม้ามาราธอนรายการใหญ่ประจำปี 2554 "มาเลเซีย-ไทยแลนด์ โอเพ่น เอ็นดูรานซ์ ชาลเลนจ์ โทรฟี่ 2011" ครั้งที่ 2 สนามสุดท้ายศึก "สุลต่านบีซานคัพ" ระยะทาง 120 กม. ประเภทบุคคล ที่รัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมี สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน มีซาน ไซนัล อาบิดีน แห่งรัฐตรังกานูเป็นประธานเปิดการแข่งขัน มีม้าจากเอเชียและยุโรปเข้าร่วมชิงชัยทั้งสิ้น 63 ม้าภายใต้การรับรองจากสหพันธ์ขี่ม้านานาชาติ หรือ เอฟอีไอ เพื่อต้องการยกระดับมาตรฐานวงการขี่ม้าอาเซี่ยนให้เทียบเท่าระดับโลก

          สำหรับนักขี่ม้าไทยประกอบด้วย "บิ๊กปั้น" นายพฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อุปนายกสมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานชมรมขี่ม้าเดอะฮอร์สเซส เป็นกัปตันทีม พร้อมด้วย "น้องผึ้ง" วิภาวรรณ พาวิทยลาภ ดีกรีแชมป์ประเภททีมในสนาม 2  และ "น้องเมฆ" วริศ คุณธาราภรณ์ อันดับ 17 เมื่อปีที่แล้วร่วมประชันฝีมือ

          เริ่มสตาร์ทปล่อยตัวตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 8 ตุลาคม แบ่งออกเป็น 5 เฟส เฟสแรกให้ม้าวิ่งระยะทาง 30 กม. เฟสสอง 25 กม. เฟสสาม 20 กม. เฟสสี่ 25 กม. และเฟสห้าอีก 20 กม.ก่อนจะหาผู้ทำเวลาน้อยที่สุดและสุขภาพที่ดีของม้าเป็นผู้ชนะเลิศ ผลปรากฏว่า "น้องผึ้ง" วิภาวรรณ พาวิทยลาภ นักขี่ม้าสาวหนึ่งเดียวจากไทย ควบม้าแองเจอร์รัสคู่ใจทำเวลารวมได้ทั้งหมด 6 ชั่วโมง 17 นาที 43 วินาที

          คว้าแชมป์ครั้งแรกในชีวิตไปครอง พร้อมเงินรางวัล 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 600,000 บาท) เอาชนะอันดับ 2 โมฮัมเหม็ด ฟัด ฮาซิล จากมาเลเซีย ที่ทำเวลาได้ 6 ชม. 29 นาที 17 วินาที รับเงินรางวัล 14,000 ดอลลาร์สหรัฐ อันดับ 3 เซลม่า ลอสเตอร์ ของมาเลเซีย เวลา 7 ชม. 2 นาที 35 วินาที รับเงินรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และอันดับ 4 "น้องเมฆ" วริศ คุณธาราภรณ์ ที่ควบม้ากาลาซาน ทำเวลาเข้ามา 7 ชม. 38 นาที 30 วินาที รับเงินรางวัล 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ

          ขณะที่ "บิ๊กปั้น" พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ขี่ม้าซิลเวอร์ ชาโด ที่มาทดแทน ปรินซ์อารี ที่เสียชีวิตเพราะโรคฉี่หนู มีอาการบาดเจ็บขาหลังตั้งแต่เฟสที่ 4 จึงไม่สามารถเข้าเส้นชัยในตามกำหนดเวลาได้

          หลังการแข่งขัน "น้องผึ้ง" วิภาวรรณ เปิดเผยว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่สามารถคว้าแชมป์ในรายการนี้ได้ เนื่องจากเป็นแมทช์ใหญ่ประจำปีที่ทุกคนต้องการคว้าแชมป์ทั้งนั้น ก่อนเดินทางมาตั้งความหวังไว้แค่ติดกลุ่ม 1 ใน 10 ก็พอใจแล้ว เพราะเมื่อปีที่แล้วมีบทเรียนทำได้แค่อันดับ 30 เท่านั้น

          แต่ครั้งนี้เราเตรียมตัวมาดีมีการฟิตซ้อมอย่างต่อเนื่องเกือบทั้งปี โดยเฉพาะการส่งม้ามาฝึกซ้อมก่อนล่วงหน้ากว่า 2 สัปดาห์ทำให้ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ จึงเป็นตัวแปรสำคัญไปสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลม้าวิ่งเร็วที่สุดในรายการนี้ด้วย เฉลี่ย 20 กม.ต่อชั่วโมง ก็คงต้องฝากไปยังภาครัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลและให้การสนับสนุนขี่ม้ามาราธอนให้ดีกว่านี้ เพราะนักกีฬาไทยนั้นมีโอกาสที่จะสร้างผลงานและชื่อเสียงให้กับประเทศชาติไม่แพ้กีฬาประเภทอื่น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ