แข้ง19ปีควงน้อง16ปีชิงแชมป์

          การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2012 รอบคัดเลือก กลุ่ม จี ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 19 กันยายน ดวลแข้งกันเป็นนัดที่ 4 'ช้างศึก' ทีมชาติไทย พบ 'อิเหนา' อินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสองทีมชนะมา 3 นัดรวดทั้งคู่ นัดนี้ทีมใดเก็บชัยชนะได้จะลอยลำเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชียทันที

          เกมครึ่งแรกสกอร์ยัง 0-0 ครึ่งหลังนาที 56 ศรัณญ์ พวงบุตร โยนบอลมาจากริมเส้นด้านขวาให้ สิทธิโชค กันหนู พักอกลงหนึ่งจังหวะก่อนยิงตุงตาข่ายให้ทีมไทยนำ 1-0 นาทีที่ 60 อินโดนีเซียต้องเหลือ 10 คน เมื่อ ฮาเรียนซายฮา มักมินิน โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ถัดมานาทีที่ 62 สิทธิโชค ยิงให้ทีมชาติไทยหนีห่าง 2-0 แต่นาทีที่ 66 ทีม 'อิเหนา' ยิงไล่มา 1-2 จากจุดโทษของ อาดี บากาส

          ท้ายเกมนาที 83 อินโดนีเซียต้องเหลือแค่ 9 คน เมื่อ เทดี โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกไปอีกคน ก่อนทีมไทยจะมาได้อีก 2 ประตูจาก ศรัณญ์ พวงบุตร นาที 85 และคุณาวุธ มาเพิ่ม นาที 88 จบเกมทีมชาติไทยชนะ 4-1 ทำสถิติชนะ 4 นัดรวดผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายชิงแชมป์เอเชียเพื่อลุ้นไปเยาวชนโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี หลังจากเคยผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายครั้งล่าสุดเมื่อปี 2004

          หลังจบเกม ลิโอเนส ดอส ซานโตส โค้ชชาวบราซิลของทีมชาติไทย กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจกับฟอร์มการเล่นของนักเตะมากที่พาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ เนื่องจากเพิ่งเข้ามาทำทีมชุดนี้แค่ 20 วัน แต่เด็กทำผลงานได้ดีมากและเรียนรู้แท็กติกการเล่นได้รวดเร็ว ซึ่งในรอบสุดท้ายเชื่อมั่นว่านักเตะชุดนี้จะโชว์ฟอร์มได้ดียิ่งขึ้น เพราะมีเวลาเตรียมทีมมากขึ้น และหวังว่าจะได้รับการต่อสัญญาออกไปหลังจบสัญญาเมื่อหมดรอบคัดเลือกนี้แล้ว

          ส่วนผลคู่อื่น ออสเตรเลีย ชนะ กวม 10-0 และพม่า ชนะ ฮ่องกง 4-2 สรุปตารางคะแนนกลุ่ม จี หลังลงเล่นทั้งหมด 4 นัด 1. ไทย 12 คะแนน 2. อินโดนีเซีย 9 คะแนน 3. ออสเตรเลีย 9 คะแนน ฮ่องกงและพม่า มีทีมละ 3 คะแนน และ 6 กวม ไม่มีคะแนน

          โดยโปรแกรมนัดสุดท้าย วันที่ 22 กันยายน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน คู่แรกเริ่ม 15.00 น. ทีมชาติไทย พบ ฮ่องกง คู่สองเวลา 18.00 น. ออสเตรเลีย พบ อินโดนีเซีย ส่วนที่สนามเทพหัสดิน พม่า พบ กวม

 

บอล 19 ปี เสียบริสุทธิ์นาน 404 นาทีให้พม่า แต่ซัดชนะ 2-1 ลิ่วชิงแชมป์อซ. 

          ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และปกรณ์ เปรมภักดิ์ ช่วยกันซัดคนละตุงดับ 'เจ้าภาพ' พม่า 2-1 พาทีมชาติไทยผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับเวียดนาม ที่เชือด มาเลเซีย 2-1 ในลูกหนังเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี ชิงแชมป์อาเซียน ส่วนน้องเล็ก เยาวชนไทยอายุ 16 ปี ถล่มอินโดนีเซีย ที่เหลือ 9 คน 4-1 ทำสถิติชนะ 4 นัดรวดตีตั๋วไปชิงแชมป์เอเชียได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

          การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปีชิงแชมป์อาเซียน ที่สนามศูนย์ฝึกเยาวชนย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ดำเนินมาถึงรอบตัดเชือก ทีมเยาวชนไทย แชมป์กลุ่ม เอ เจอศึกหนักเจ้าภาพ พม่า รองแชมป์กลุ่ม บี ท่ามกลางสภาพสนามที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำเพราะฝนตกอย่างหนักก่อนเกม

          แมทช์นี้ 'น้าฉ่วย' สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือใหญ่ต้องปรับนักเตะใหม่ 11 คนแรก ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู วัชระ บัวทอง, แบ็กขวา นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, เซ็นเตอร์แบ็ก ธนากร สายปัญญา กับอดิศร พรหมรักษ์, แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา, กองกลาง นรากร คณา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อาทิตย์ วิเศษศิลป์, กษิต์เดช เวทยาวงษ์ และกองหน้า จตุรงค์ พิมพ์คูน กับ ปกรณ์ เปรมภักดิ์

          เริ่มเกมครึ่งแรกทั้งคู่ต้องงัดบอลยาวออกมาสู้ นาทีที่ 10 ทั้งสนามเงียบเป็นเป่าสาก พีระพัฒน์ เปิดเตะมุมด้านขวาถูกสกัดไปเข้าทางอีกหนคราวนี้ปั่นด้วยซ้าย ฐิติพันธ์ ขึ้นเขกแบบไร้ตัวประกบแค่ 6 หลา 1-0 หลังจากนั้นพม่าเริ่มกดดันได้อย่างต่อเนื่องโดยไทยรอสวนกลับ กระทั่งนาทีที่ 44 ทิฮา ซอ กองหน้าที่เพิ่งเปลี่ยนลงไปแค่ 2 นาที ส่องไกลบอลพุ่งเสียบใต้คานเป็นประตูแรกที่ไทยเสียในรายการนี้หลังรักษาบริสุทธิ์มาได้นาน 404 นาที สกอร์มาเท่ากันที่ 1-1

          ครึ่งหลังแม้เจ้าหน้าที่สนามจะลงมาปรับปรุงด้วยการเอาดินมาโรยทับบริเวณน้ำขัง แต่ทั้งคู่ยังใช้บอลยาวสาดใส่กัน พม่าดูจะฟิตกว่าเพราะเตรียมทีมมาร่วม 7 เดือน กดดันนักเตะไทยแต่แนวรับยังสอดกันดี นาทีที่ 74 สถานการณ์พลิกเมื่อ จตุรงค์ไปถูกหวดคว่ำในกรอบเขตโทษ ปกรณ์ รับหน้าที่สังหารจุดโทษไม่พลาด ไทยแซงอีกครั้ง 2-1

          แต่ 2 นาทีสุดท้ายเปามาทำพิษเมื่อ อดิศรแหย่เท้าสกัดโดนบอลเต็มๆ ยี คู อู ผู้เล่นพม่าพุ่งล้มให้จุดโทษ พโย เมือง เมือง คยอ ยิงไปชนเสาเหลี่ยมในเด้งผ่านปากประตูออกหลังเหลือเชื่อ จบเกมไอ้หนูไทยชนะ 2-1 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศสำเร็จไปพบเวียดนาม ที่ชนะมาเลเซีย 2-1 ในวันที่ 21 กันยายนนี้

          หลังจบเกม สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือทีมเยาวชนไทยกล่าวว่า เป็นเกมที่ดี เรามีโชคที่ไม่เสียประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกม พม่าถือเป็นทีมที่ดี แต่สภาพสนามที่เละทำให้ไม่อาจบอกได้ว่าเกมนัดนี้ดีอย่างไร อยู่ที่ใครฉวยโอกาสได้มากกว่า

 

'น้าฉ่วย'มั่นใจแข้ง19ปีไม่ยืดเยื้อจบใน90นาทีถึงฎีกาไอ้หนูไทยแม่นกว่าแชมป์แน่

          การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี ชิงแชมป์อาเซียน ที่ย่างกุ้ง ประเทศพม่า คู่ชิงชนะเลิศเป็นการโคจรมาพบกันของทีมเยาวชนไทย พบ เยาวชนเวียดนาม ในเวลา 18.10 น. (ตรงกับประเทศไทย 18.40 น.) และชิงอันดับ 3 พม่า พบ มาเลเซีย เริ่มเวลา 15.30 น. ที่สนามศูนย์ฝึกเยาวชนย่างกุ้ง

          สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือใหญ่ทีมไอ้หนูแข้งทองจากแดนสยาม กล่าวว่า นัดชิงชนะเลิศไม่อยากยืดเยื้อไปถึงการต่อเวลา แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าเวียดนามเป็นทีมที่แข็งแกร่ง นักเตะมีรูปร่างสูงใหญ่ ดังนั้นช่วงแรกเราคงต้องเน้นแดนกลางให้แน่นไว้ก่อน บีบพื้นที่ไม่ให้เล่นได้ง่าย จากนั้นค่อยฉวยโอกาสเข้าทำ

          "คงต้องเน้นเรื่องลูกนิ่งให้มากทั้งเกมรุก และรับ ซึ่งเราได้เปิดเทปเกมการเล่นของเวียดนามให้นักเตะได้ศึกษายุทธวิธีการเล่นของคู่แข่ง ดังนั้นหากเป็นไปได้คงต้องเน้นให้จบภายใน 90 นาที แต่ถ้ายืดเยื้อไปถึงดวลจุดโทษยังมั่นใจลึกๆ ว่า เด็กเรานิ่งกว่า แม่นยำกว่า" กุนซือทีมไอ้หนูไทยกล่าว

          กุนซือทีมไอ้หนูไทยกล่าวต่อไปว่า ตัวแปรของเกมนี้คงจะอยู่ที่สภาพสนาม เพราะนัดชิงอันดับ 3 ทางเจ้าภาพไม่ยอมย้ายไปเล่นที่ ออง ซาน สเตเดี้ยม ดังนั้นเมื่อคู่แรกชิงอันดับ 3 ย่ำกันไปจนเละทำให้ทั้งเราและเวียดนามไม่อาจเล่นในเกมที่ต้องการได้ แต่หากสนามไม่เละ ไม่มีฝนตกลงมา น่าจะทำให้เป็นเกมที่สนุก ซึ่งส่วนตัวหวังจะได้แชมป์รายการนี้ประเดิม ก่อนจะถึงการแข่งขันชิงแชมป์ เอเชีย รอบคัดเลือก ในช่วงปลายเดือนตุลาคม

          สำหรับผู้เล่น 11 คนแรก คาดว่าจะยึดตัวจริงจากเกมรอบตัดเชือกประกอบด้วย ผู้รักษาประตู วัชระ บัวทอง, แบ็กขวา นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, เซ็นเตอร์แบ็ก ธนากร สายปัญญา กับอดิศร พรหมรักษ์, แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา, กองกลาง นรากร คณา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อาทิตย์ วิเศษศิลป์, กษิต์เดช เวทยาวงษ์ และกองหน้า จตุรงค์ พิมพ์คูณ กับปกรณ์ เปรมภักดิ์

          ทั้งนี้การแข่งขันคู่ชิงอันดับ 3 หากเสมอกัน 90 นาทีจะดวลจุดโทษหาผู้ชนะทันที ส่วนคู่ชิงชนะเลิศ จะมีการต่อเวลา 30 นาที หากยังเสมอใช้การดวลจุดโทษตัดสินหาทีมชนะเลิศ