ย้อนรอย มติฉาว ปมร้อน แต่งตั้ง "พระเล็ก" เป็น เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์
ย้อนรอย มติฉาว ปมร้อน แต่งตั้ง "พระเล็ก" เป็น เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ทำแผ่นดินเมืองน้ำดำ ร้อนเป็นไฟ ก่อนปิดฉาก
กรณีมติฉาว ของ มหาเถรสมาคม ที่มีคำสั่งถอดถอน พระเทพสารเมธี หรือ เจ้าคุณบัวศรี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2564 และแต่งตั้ง พระครูสุทธิญาณโสภณ (เล็ก สุทธิญาโณ) หรือ "พระเล็ก" เจ้าคณะอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ให้รับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์แทน ซึ่งนับตั้งแต่มติคราวนั้น ทำให้ทั้งคณะสงฆ์จังหวัดกาฬสินธุ์ และญาติธรรม ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน เพราะมองว่าการถอดถอน และการแต่งตั้งไม่เป็นธรรม
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลังจากการแต่งตั้งพระเล็ก ก็ยังไม่สามารถเข้าปฎิบัติหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ รวมทั้งมีกระแสข่าว ถึงความพยายามเข้าพื้นที่ของ พระเล็ก และคลิปเสียง ที่มีการอ้างถึงพระบรมราชโองการ สะพัดไปทั่ว จนเกิดเป็นปัญหาบานปลาย
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2564 กับคำสั่งถอดถอนเจ้าคณะจังหวัดจำนวน 3 รูป ซึ่ง 1 ในนั้น มีชื่อของ เจ้าคุณบัวศรี เจ้าอาวาส "วัดประชานิยม" อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) รวมอยู่ด้วย พร้อมทั้งมีมติแต่งตั้ง พระเล็ก เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ แทน
ซึ่งการปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ในวันนั้น ทำให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นวงการสงฆ์ร้อนแรง ที่ทำให้คนกาฬสินธุ์ ออกมาขึ้นป้ายคัดค้าน ต่อต้านการเข้าพื้นที่ของ "พระเล็ก" รวมทั้ง คณะสงฆ์ สายธรรมยุติ ลาออกเกือบจะยกจังหวัด และมีการล่ารายชื่อ 1 แสนรายชื่อ ถวายฎีกาต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 เพราะเชื่อว่า การแต่งตั้ง พระเล็ก มีกระบวนการสอดไส้ ขณะที่ เจ้าคุณบัวศรีเอง ก็ไม่ได้ทำผิดอธิกรณ์ และเป็นพระสงฆ์ ที่ชาวกาฬสินธุ์ให้ความเคารพนับถือมายาวนาน
อีกทั้ง หากดูคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง “เจ้าคณะจังหวัด” ตามกฎของมหาเถรสมาคมแล้ว จะต้องมีพรรษา 10 พรรษาขึ้นไป กับมีสำนักอยู่ในเขตจังหวัดนั้น ,กำลังดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดในจังหวัดนั้นมาไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือ กำลังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอในจังหวัดนั้นมาไม่ต่ำกว่า 4 ปี หรือ มีสมณศักดิ์ไม่ต่ำกว่าพระราชาคณะชั้นสามัญ หรือเป็นพระคณาจารย์ขึ้นไป หรือเป็นเปรียญธรรม 6 ประโยคขึ้นไป แต่ “พระเล็ก” ไม่ตรงกับคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา นั่นจึงเป็นสิ่งที่คนกาฬสินธุ์คลางแคลงใจ
ทำให้นับจากวันได้รับ "ตราตั้ง" เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ของ "พระเล็ก" เลยกำหนดเงื่อนเวลา ที่ต้องเข้าปฎิบัติหน้าที่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดรูปใหม่ ตามกฎของมหาเถรสมาคม คือต้องเข้าปฎิบัติหน้าที่ในเวลา 30 วัน แต่ พระเล็ก ก็ไม่สามารถเข้าปฎิบัติหน้าที่ได้ เพราะการต่อต้านของคนในพื้นที่ รวมทั้งคณะสงฆ์ ซึ่งหากดูจากกฎของ มส.แล้วนั้น คำสั่งแต่งตั้ง "พระเล็ก" จึงน่าจะถือเป็น "โมฆะ"
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มีข่าวสะพัด ถึงความพยายามที่จะเข้าพื้นที่ เพื่อทำหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้ง คลิปเสียงสนทนาถึง 3 คลิป ที่มีน้ำเสียงคล้ายกับ “พระเล็ก” สะพัดออกไป ซึ่งบทสนทนาโดยสรุป เหมือนเป็นการเล่าถึงเหตุผลคำสั่งปลด "เจ้าคุณบัวศรี" ออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ และ แต่งตั้ง "พระเล็ก" ขึ้นมาแทน
นอกจากนี้ จะมีการถอดยศ "เจ้าคุณบัวศรี" และ "เจ้าคุณแผน" ออกจากสมณศักดิ์ เมื่อจบภาระกิจนี้พระเล็ก ก็จะกลับไปอยู่ที่ จ.หนองคาย โดยจะไปพึ่งบารมี "หลวงปู่อินทร์ถวาย" ให้คุ้มครอง และประเด็นสำคัญ มีการอ้างถึงพระบรมราชโองการ ยิ่งทำให้กลุ่มลูกศิษย์และญาติธรรม มีการยกระดับการต่อต้านที่รุนแรงมากขึ้น
จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวสะพัดออกมาอีกว่า "พระเล็ก" ได้ยื่นหนังสือลาออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์แล้ว แต่มีรายงานข่าวว่า หนังสือที่ถูกส่งไปยังเจ้าคณะภาค 9 (ธ) กลับยังไม่มีการอนุมัติให้ลาออก โดยพระเจ้าหน้าที่ในสำนักงานเจ้าคณะภาค 9(ธ) ได้ออกมาปฏิเสธว่า ยังไม่ได้รับหนังสือลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรแต่ประการใด เรื่องนี้จึงยังหาความจริงไม่ได้ว่า ใครพูดจริง
สิ้นปี 2564 ตามธรรมเนียมปฏิบัติ สื่อมวลชน มักจะมีการตั้งฉายา ทั้งรัฐมนตรี ,นักการเมือง รวมทั้งวงการตำรวจ ทหาร และ นักแสดง ประจำปี เช่นเดียวกับ การตั้งฉายา "พระภิกษุสงฆ์" ที่ทางเว็บไซด์ "thebuddh" จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ซึ่งในปี 2564 เน้นจากปรากฏการณ์ข่าวของพระภิกษุรูปนั้น ๆ ทั้งในสื่อหลัก สื่อออนไลน์ และสำรวจจากนักวิชาการ สำหรับพระภิกษุสงฆ์ 10 รูป ปรากฎว่า อันดับ 1 คือ “พระเล็ก” ซึ่งได้รับฉายาว่า “เจ้าไร้ศาล”
ผ่านมาร่วมจะ 2 ปี ล่าสุด ก็มีการส่งสัญญาณจาก พระครูโสภณธรรมอุดม อดีตเจ้าคณะอำเภอห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพระสังฆาธิการ ที่ยื่นหนังสือลาออก เพื่อคัดค้านมติคำสั่งการปลด "เจ้าคุณบัวศรี" มาโดยตลอด ก็ได้แจ้งว่า “พระเล็ก” ได้แจ้งเรื่องแสดงเจตนาที่จะลาออก ให้ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) ได้รับทราบ และเตรียมเอกสารใบลาออกแล้ว ตามที่ได้รับปากไว้ ซึ่งจะเดินทางไปยื่นใบลาออกต่อเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2565
จึงนับเป็นการยุติมติฉาว เรื่องร้อนในวงการสงฆ์ ที่คาราคาซังมานานนับปี ซึ่งเรียกได้ว่าค้นพบสัจจะธรรมอยู่อย่างก็คือ การชนะใจตนเองคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด