คอลัมนิสต์

ล้วงตัวตน ลูกท็อป มรดกมังกรเมืองสุรรณ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ล้วงตัวตน ลูกท็อป มรดกมังกรเมืองสุรรณ โดย...  ดารากร วงศ์ประไพ

 

 

 

          เจ้าของฉายา “มังกรเมืองสุพรรณ” และนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ที่ชื่อ “บรรหาร ศิลปอาชา” ผู้วายชนม์ถือเป็นมวยใหญ่ของการเมืองไทยคนหนึ่ง

 

          การเป็นทายาทนักการเมืองระดับตำนานจึงไม่แปลกที่บทบาทของลูกท็อปจะถูกจับตามาตั้งแต่ไปช่วยงานนายกฯ บรรหาร หลังเรียนจบหมาดๆ ที่ทำเนียบรัฐบาลและเริ่มก้าวเข้าวงการครั้งแรก ในปี 2544 ในฐานะส.ส.รุ่นใหม่ไฟแรงแห่งพรรคชาติไทยด้วยวัย 28 ปี ก่อนก้าวขึ้นตำแหน่ง รมช.คมนาคม ในปี 2551

 

 


          บทบาทและตัวตนของวราวุธยังมีอีกหลายมุมที่อาจไม่ค่อยมีใครได้เห็น..แต่คำตอบอยู่ที่นี่

 


          0เข้าสู่สนามการเมืองเพราะเป็นลูกอดีตนายกฯ อะไรที่คิดว่าคนชื่อ “วราวุธ” มี และทำให้ประสบความสำเร็จ
          “เมื่อก่อนทุกคนรู้จักผมเพราะเป็นลูกบรรหาร ไม่มีใครรู้จักเพราะเป็นวราวุธ แต่สิ่งที่ผมมีครอบครัวที่คอยผลักดันให้ผมเดินมาถึงวันนี้ได้
          ครอบครัวเปรียบเสมือนเป็นปลั๊ก เป็นเพาเวอร์แบงก์เอาไว้ชาร์จแบต และมี “บรรหาร ศิลปอาชา” เอาไว้เป็นต้นแบบ ทุกวันนี้เวลาที่ผมทำงานผมจะบอกตัวเองเสมอว่า “ทำอย่างไรก็ได้อย่าให้คนเขาว่าเสียชื่อลูกบรรหาร “พ่อทำไว้ดี เจ๊งสมัยลูก ผมจะไม่ยอมให้ใครพูดแบบนี้เป็นอันขาด
          ผมอยากจะทำให้คนรู้สึกว่ารัฐมนตรีกระทรวงนี้มาอยู่แล้วไม่เสียเวลา ท่านประยุทธ์เลือกคนมาทำงานไม่ผิด เราอยากมีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิต ใช้หนึ่งสมองสองมือที่พ่อให้มาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ”

 

 


          0 การเป็นลูกชายอดีตนายกฯ บรรหาร มีผลต่อเส้นทางการเมืองของตัวเองมากน้อยแค่ไหน
          นายกฯ บรรหาร เป็นนักการเมืองหนึ่งในไม่กี่คนของประเทศ ที่เสียชีวิตไปแล้วคนทั้งจังหวัดยินยอมพร้อมใจสร้างอนุสาวรีย์ให้ เป็นเครื่องเตือนใจผมอยู่เสมอว่าตายไปแล้วเอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง สิ่งเดียวที่จะทิ้งเอาไว้ให้คนจำได้ก็คือตำนาน ความดี วันนี้นายกฯ บรรหาร ตายไปแล้วแต่ทุกคนยังพูดถึง
          ผมเป็นมรดกที่นายบรรหารทิ้งไว้ให้แก่แผ่นดิน ฉะนั้นมรดกชิ้นนี้จะต้องไม่ทำให้แผ่นดินไทยมัวหมอง
          ตำแหน่งที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิตไม่ใช่ตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ตำแหน่งที่ผมภูมิใจที่สุดคือการเป็นลูกนายบรรหาร เกิดมาชั่วชีวิตไม่มีอะไรที่มีคุณค่ามากกว่านี้”

 



 


          0 นอกเหนือจากงานการเมืองยังมีอีกหนึ่งบทบาทคือการทำทีมฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี หลายคนคงสงสัยว่างานการเมืองก็ยุ่งอยู่แล้ว ทำไมไปทำทีมฟุตบอล
          “ตอนนั้น (ปี 2551) ไม่ได้เป็นนักการเมืองเพราะโดนยุบพรรค ประธานสโมสรคนเก่ามีปัญหาก็มาขอให้คุณพ่อช่วย ปี 2551 ผมก็โดนแบน 5 ปี คุณพ่อก็เลยบอกให้ผมเข้าไปทำ จะบอกว่าทำเล่นๆ ก็ไม่ใช่ แต่พอกาลเวลาเปลี่ยนไป นายบรรหารไม่อยู่ ถ้าวันนี้นายบรรหารยังอยู่ผมก็อาจทำทีมฟุตบอลต่อเพราะการเมืองก็มีคุณพ่อทำให้
          ตอนนี้ผมลาออกแล้วก็อาจจะกระทบต่อผลงานของทีมบ้าง แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าระหว่างทีมฟุตบอลกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พอเข้าใจกันได้ แม้ผลงานไม่ดี พอผมออกจากการเป็นรัฐมนตรีผมก็ไปทำทีมฟุตบอลใหม่ได้ แต่กระทรวงนี้มีโอกาสเข้ามาทำงานแล้ว เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต มันไม่ใช่ของเล่น จะมาลองกันไม่ได้”

 

 


          0 ถ้าจะเปรียบการบริหารทีมฟุตบอลกับการทำการเมืองคิดว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
          “เหมือนกันตรงที่เราต้องหาคนที่เป็น The right man on the right job. ทำงานการเมืองก็เหมือนกัน มันคือการบริหารคน การอาศัยความอดทน บางทีทีมฟุตบอลแพ้เราก็ต้องอดทน บางทีแพ้ไปเรื่อยๆ มีผิดหวัง มีสมหวัง แต่พื้นฐานทางการเมืองส่งให้เรารู้ว่าเราก็ต้องอดทน ณ จุดหนึ่งมันจะสอนให้เราแก้ปัญหาและผ่านไปให้ได้ ศาสตร์แห่งการบริหารคนเป็นสิ่งที่ยากที่สุดแล้ว ก็ต้องขอบคุณที่คุณพ่อให้ไปทำสโมสรเพราะมันเป็นการฝึกความอดทน
          ความแตกต่างก็คือขนาด สโมสรฟุตบอลขนาดนี้ แต่กระทรวงคือประเทศไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงเวทีต่างประเทศอีกต่างหาก นั่นก็เป็นบันไดและเป็นความท้าทายให้เราเติบโตขึ้นไป”

 

 


          0เป้าหมายสูงสุดของ “วราวุธ ศิลปอาชา” คืออะไร
          “อันดับแรกทำอย่างไรให้ผมสามารถดูแลครอบครัวได้ เหมือนคนชื่อบรรหารดูแลผมกับคุณแม่แจ่มใส
          อันดับที่สองทำอย่างไรเมื่อผมตายไปแล้วคนจะยังจำได้ว่าผมทำอะไรให้แผ่นดินไทยบ้าง ไม่ใช่ตายไปแล้วก็ดี ตายไปซะได้ก็ดี ความท้าทายมันอยู่ที่เมื่อผมตายไปแล้วคนจะจำชื่อ วราวุธ ศิลปอาชา ว่าอย่างไร”

 

 


          0ในวันที่วางบทบาททุกอย่างลง แล้วเป็นวราวุธคนธรรมดาคนหนึ่ง สิ่งที่อยากทำและคิดว่ามีความสุขที่สุดคืออะไร
          “ครอบครัว ลูกสาวเป็นนักสเกตน้ำแข็งทีมชาติปลายปีนี้จะไปแข่งซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ ลูกสาวอายุ 17 ปี ลูกชายอายุ 15 ปี และ 13 ปี กิจกรรมส่วนใหญ่เวลาว่างก็จะไปวิ่ง ปั่นจักรยาน แต่ตอนนี้อยากอยู่กับลูก อยู่กับครอบครัว ได้ไปออกกำลังกาย ได้ไปวิ่ง ได้เหงื่อ ตอนนี้ไม่ได้ไปวิ่งมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว”

 


          0ตัวตนของ “วราวุธ ศิลปอาชา” ในมุมที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็น
          “ความเป็นพ่อ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องมองดูลูกตัวเองล้ม กลับบ้านมามีรอยเขียวรอยช้ำ เห็นลูกร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มุมนี้ยังไม่เคยมีใครเห็น แต่เราก็สั่งสอนเขาในเรื่องนี้ว่า ต้องมีวินัยมีความอดทน ต้องมีความเชื่อมั่น นี่เป็นสิ่งที่ผมสอนลูก 3 คนมาตลอด
          ลูกสาวเคยร้องไห้กลับมาหาผม ผมไม่เคยปลอบ ไม่เคยโอ๋ ผมไล่เขากลับไปฝึกใหม่ ผมบอกเขาว่าฝึกแล้วล้มเพราะซ้อมไม่พอ ฉะนั้นมาหาพ่อก็ช่วยไม่ได้ ต้องกลับไปฝึกใหม่ กลับไปซ้อมใหม่ ผมจะต้องเข้มงวดกับลูกเพื่อที่วันหนึ่งผมไม่อยู่แล้วเขาจะต้องอยู่ของเขาเองได้ ฉะนั้นบทบาทพ่อนักกีฬาทีมชาติไม่มีใครเคยเห็น”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ