คอลัมนิสต์

บนทางขนานสารพิษ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันอังคารที่ 10 กันยายน 2562

 

 

 

          การอบรมเกษตรกร ผู้ค้าสารเคมีเกษตร และผู้รับจ้างฉีดพ่นสารเคมีอันตรายคือ พาราควอต ไกลโฟเสต และคลอร์ไพริฟอส ใกล้จะถึงวันสิ้่นสุด และนับจากวันที่ 20 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป การจำหน่าย การซื้อ และการใช้สารเคมีเหล่านี้จะต้องมีใบอนุญาตหลังผ่านการอบรมโดยวิทยากรจากกรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2560 หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ครั้งที่ 4/2560 ได้ข้อสรุปให้ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิด มาจนถึงขณะนี้ เกิดเสียงเล่าลือถึงการกักตุนสารเคมี ทั้งในส่วนของเกษตรกร และผู้ขาย อันมีนัยน่าวิตกว่า ไม่ว่าเกษตรกร ผู้ขาย หรือผู้รับจ้างฉีดพ่นจะเข้ารับการอบรมหรือไม่ พวกเขาก็ยังมีช่องทางใช้สารเคมีอยู่ดี

 


          กรมวิชาการเกษตร วางเป้าหมายเอาไว้ว่า จะอบรมเกษตรกรผู้ใช้สารเคมีจำนวน 1.5 ล้านคน ตามการสำรวจที่พบว่า ยังมีความจำเป็นต้องพึ่งพิงสารเคมี โดยเกษตรกรที่จะเข้ารับการอบรมต้องมีทะเบียนเกษตรกร หรือหลักฐานแสดงพื้นที่ปลูกพืชที่มีความจำเป็นต้องใช้สารพาราควอตและไกลโฟเสต สำหรับกำจัดวัชพืชใน อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลัง และไม้ผล และใช้คลอร์ไพริฟอสเพื่อกำจัดแมลงในไม้ดอก พืชไร่ และกำจัดหนอนเจาะลำต้นในไม้ผล นอกจากการแสดงใบอนุญาตผ่านการอบรมแล้ว เกษตรกรจะต้องแจ้งชนิดพืชที่ปลูก พื้นที่ปลูก เพราะห้ามใช้สารพื้นที่ต้นน้ำ เพื่อกำหนดปริมาณวัตถุอันตรายที่จะซื้อนำมาใช้ได้ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด จะสามารถจำกัดการใช้ได้


          ตามเป้าหมายแล้ว หลังวันที่ 20 ตุลาคมเป็นต้นไป ภาครัฐเชื่อว่า การใช้สารเคมีจะอยู่ในวงจำกัด แต่ฝ่ายที่เรียกร้องให้ยกเลิกสารเคมีทั้ง 3 ชนิดก็เห็นต่างไปว่า มาตรการนี้จะไม่ได้ผล โดยเฉพาะการควบคุมการใช้อย่างเข้มงวดและทั่วถึงนั้นทำได้ยากมาก อย่างเช่น การจัดอบรม และทดสอบให้เสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนั้นอาจจะเป็นเพียงพิธีกรรม และเป็นการประทับรับรองการขายและใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากแต่ในทางปฏิบัติ เกษตรกรที่ไม่ผ่านการอบรมก็สามารถจัดหาสารเคมีมาใช้ได้อยู่ดี อย่างเช่น กลุ่มที่เริ่มกักตุนมานับตั้งแต่มีข่าวว่าจะยกเลิก มาจนถึงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการบังคับใช้ตามมาตรการ 20 ตุลาคม


          กรณีสารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิดนี้ ควรจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านและฟังความจากทุกฝ่าย ในความเป็นจริงแปลงเกษตรกรรมบางประเภทอาจจำเป็นต้องใช้ เช่น สวนปาล์ม สวนยางพารา เพื่อกำจัดวัชพืช แต่ก็มีปัญหาในเรื่องการตกค้าง และปนเปื้อนไปยังต้นน้ำลำธารสำหรับการอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ควรมีแผนรองรับกรณีการยกเลิก ขณะนี้มีพรรคการเมืองหนึ่งแสดงท่าทีเห็นด้วยที่จะให้ยกเลิก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ บอกไว้ว่า ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรทบทวนการใช้สารเคมี 3 ชนิด พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบสต็อกสินค้าที่เหลือและเตรียมเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งก่อนถึงวันที่ 20 ตุลาคม ฝ่ายการเมืองก็ควรตรวจสอบด้วยว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเดินตามนโยบายหรือไม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ