คอลัมนิสต์

ทำให้ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2562

 

 

 

          เป็นความอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะทุกครั้งที่เมืองไทยเกิดปัญหา คนในชาติประสบวิกฤติการณ์ต่างๆ น้ำใจของคนไทยไม่เคยจางหาย แรงช่วยเหลือจากทุกสารทิศจะส่งไปยังผู้ประสบเคราะห์กรรมแบบไม่ต้องวิงวอน วันนี้คนไทยในหลายจังหวัดกำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัยน้ำทะลักเข้าท่วมอย่างซ้ำซาก ขณะที่อีกหลายจังหวัดต้องประสบภาวะภัยแล้งขาดน้ำกินน้ำใช้อย่างไม่รู้จบในทุกๆ ขวบปีเช่นกัน

 

 

          ปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้ง คือวงจรทุกข์เข็ญที่วนเวียนอยู่มาช้านาน แม้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้งบประมาณเยียวยาช่วยเหลือกันมาหลายครั้ง ทั้งมีผลวิจัย ผลการศึกษา แผนแม่บท วาระแห่งชาติ ออกมามากมาย แต่สุดท้ายการแก้ไขแบบยั่งยืนยังไปไม่ถึงไหน เม็ดเงินหลายพันล้านบาทจากงบประมาณที่ลงไปไม่ต่างจากการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ซ้ำร้ายการแก้ปัญหายิ่งยากเหมือนการเข็นครกขึ้นภูเขา ขณะที่ฝ่ายการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างมุ่งจะสาดโคลนใส่กันด้วยการเอาปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม มาจุดเป็นประเด็นเพื่อฟาดฟันห้ำหั่นกันโดยหลงลืมประชาชนตาดำๆ


          ความจริงแล้วตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา สภาวะโลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก สิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ทั่วโลกโดนทำลายไปด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจจากน้ำมือมนุษย์...โดยฝ่ายที่เห็นคุณค่าต่างออกมาปกป้อง และร่วมกันขับเคลื่อนหาหนทางคลี่คลายแก้ไข แต่ฝ่ายที่มุ่งหาแต่ประโยชน์ก็จะละเลย ทิ้งขว้าง มุ่งทำลายโดยไม่สนใจปัญหาที่สะสมจะส่งผลร้ายแรงในยุคถัดไปหรือไม่ ขณะเดียวกันฝ่ายที่นิ่งเฉยก็ทำเสมือนทองไม่รู้ร้อน เพราะเห็นว่า ทุกข์เข็ญยังเดินมาไม่ถึงตัวจะต้องแคร์อะไร


          “น้ำ” คือปัจจัยสำคัญของสิ่งมีชีวิตทั่วโลก โดยเฉพาะไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม น้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดในการหล่อเลี้ยงชีวิตและความเป็นอยู่ แต่ทำไมการดูแลบำรุงรักษาทรัพยากรน้ำกลับถูกละเลยอย่างน่าใจหาย หลายสิบปีที่ผ่านมาการแก้ไขเรื่องทรัพยากรน้ำในด้านต่างๆ ไม่ต่างจากการลูบหน้าปะจมูก กล่าวคือ ยามใดเมื่อประเทศเกิดวิกฤติภัยแล้ง หรือน้ำท่วม ฝ่ายบริหารจะลุกขึ้นมาเร่งแก้ไขปัญหากันจ้าละหวั่น ทุ่มงบประมาณลงไปแบบไม่อั้น แต่เมื่อภัยเหล่านี้ยุติลง ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง




          ถึงตรงนี้คงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายควรจับมือร่วมกันทำนุบำรุงรักษาทรัพยากรน้ำ และสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยไม่ต้องมองว่า “เป็นผลงานของใคร” และที่สำคัญการผลักดันแผนแม่บทของชาติเพื่อแก้น้ำแล้ง น้ำท่วม ต้องบังเกิดในทันที เพราะประโยชน์ที่จะเกิดจากการรังสรรค์รักษาทรัพยากรน้ำ และทรัพยากรธรรมชาติด้านต่างๆ สุดท้ายก็จะตกไปสู่คนไทยในวันนี้และวันข้างหน้า...ไม่ต้องทำมากจนเว่อร์วัง แค่แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และรู้จริง ทำให้ได้เหมือนเพลงที่คุ้นหูในวัยเด็กว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แผ่นดินของเรา นี่แสนอุดมสมบูรณ์.....หมากม่วงหมากขาม หมากพร้าวหมากลาง พืชผลต่างๆ ล้วนงามตระการ…สร้างบ้านแปงเมือง ให้เกียรติไทยลือเลื่อง ไปทั่วทุกถิ่นฐาน ...ปวงราษฎร์ทั้งหลาย ได้อยู่เป็นสุขสำราญ...

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ