เปิดไทมไลน์ ดีเอสไอแกะรอย บิลลี่ 

   ปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย

    ไทม์ไลน์แกะรอย บิลลี่ 

 -19 เม.ย.57  ครอบครัวบิลลี่แจ้งความที่สภ.แก่งกระจานว่า นายพอละจี รักจงเจริญหรือ บิลลี่ นักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยง หายตัวไป ตั้งแต่ 17 เม.ย.57

  -21 เม.ย.57 ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งกระจาน ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยอมรับว่าได้ควบคุมตัวบิลลี่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เนื่องจากค้นตัวเจอ รังผึ้งและน้ำผึ้ง 5 ขวด ก่อนนำตัวบิลลี่และรถจักรยานยนต์ขึ้นรถออกอุทยานฯไป แต่ได้ปล่อยตัวบิลลี่ไป โดยมีพยานเป็นนักศึกษาฝึกงาน 2 คนหลังเกิดเหตุนานกว่า 4 ปี

      -28 มิ.ย. 61 ดีเอสไอรับคดีการหายตัวไปของ”บิลลี่”เป็นคดีพิเศษ และส่งดีเอสไอศูนย์ภาค ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาเบาะแสจากพยานในพื้นที่เนื่องจากยังไม่สามารถสอบสวนคดีที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องได้ เพราะคดีอยู่ในอำนาจการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยข้อมูลในชั้นสืบสวนพบว่า พยานบุคคลยังมีความหวาดกลัวกังวลจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงไม่กล้าให้เบาะแส และข้อมูล กระทั่งดีเอสไอต้องนำพยานปากสำคัญเข้าโครงการคุ้มครองพยาน

   -ต่อมาในเดือน ธ.ค. 2561 ป.ป.ช.ส่งสำนวนกลับมาให้ดีเอสไอ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสอบสวนเต็มรูปแบบ โดยนำข้อมูลที่ได้รับจากพยานมากำหนดพิกัดเป้าหมาย กำหนดจุดเกิดเหตุต่างๆ ตั้งแต่จุดที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯควบคุมตัวบิลลี่ไปจนถึงจุดที่อ้างว่าได้มีการปล่อยตัวบิลลี่

    ข้อมูลจากการสอบสวนถูกนำมาวิเคราะห์จนน่าเชื่อว่า วัตถุพยานอาจถูกกระแสน้ำพัดมารวมกันบริเวณร่องน้ำลึก ใกล้สะพานแขวนแก่งกระจาน จึงต้องรอให้ถึงช่วงเวลาที่น้ำตื้นเขินที่สุด นั่นคือเดือนเม.ย.ของทุกปี

    -26 เม.ย 62 ดีเอสไอประสานผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ให้นำโดรนสำรวจทางการอากาศและหุ่นยนต์ใต้น้ำทำการสำรวจร่องน้ำลึกใกล้กับสะพานแขวนในอุทยานฯซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่ลึกที่สุดของลำน้ำ คาดว่าตะกอนจะถูกกระแสน้ำพัดมารวมกันในจุดนี้ ผลการปฎิบัติการทั้งทางอากาศและใต้น้ำพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร งมขึ้นมาพบภายในบรรจุเศษกระดูกซึ่งมีส่วนของกระโหลกศรีษะอยู่ด้านใน

    -  22-24 พ.ค.62 และ 28-30 ส.ค.ดีเอสไอได้ร่วมกับมนุษย์กบ ตชด.ลงดำน้ำสำรวจพบชิ้นส่วนกระดูกอีก 20 ชิ้น

    ในช่วงเวลาดังกล่าว ดีเอสไอได้ประสานกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้สกัดดีเอ็นเอจากชิ้นส่วนกระดูกเพื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบกับญาติสายตรงของบิลลี่ ผลปรากฏว่า ดีเอ็นเอจากชิ้นส่วนกะโหลกตรงกับมารดาของบิลลี่ และเพื่อปิดข้อโต้แย้งว่าอาจเป็นการนำกะโหลกพี่น้องของบิลลี่ที่เสียชีวิตแล้วไปทิ้งในน้ำเพื่อสร้างหลักฐานดำเนินคดีฆาตกรรม ดีเอสไอจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า พี่น้องร่วมแม่เดียวกันของบิลลี่ยังมีชีวิตครบทุกคน ไม่สามารถนำกะโหลกของบุคคลอื่นไปโยนทิ้งเพื่อสร้างหลักฐานได้