คอลัมนิสต์

นโยบาย ไม่ชัด  พูดคุยสันติสุขฯ ไม่คืบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  ถอดรหสัลายพราง  โดย...  พลซุ่มยิง 




          หลังเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะถูกเสนอชื่อให้เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนใหม่ แทน “บิ๊กเมา” พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัตน์ ที่ต้องทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ท่ามกลางคำถามถึงความจริงจังในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม 

 

 

          นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการเปลี่ยนหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังเคยมอบหมาย พล.อ.อักษรา เกิดผล ส.ว. ทำหน้าที่ ผ่านผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซีย พร้อมๆ กับการเปิดตัว ‘กลุ่มมาราปาตานี’ ที่อ้างว่า เป็นตัวจริง เสียงจริง สามารถควบคุมผู้เห็นต่างในระดับพื้นที่


          โดยการพูดคุยสันติสุขฯ ทั้ง 3 ฝ่ายเกิดขึ้นหลายครั้งที่ประเทศมาเลเซีย ท่ามกลางความสนใจของต่างประเทศ และดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี สอดคล้องกับสถิติการก่อความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีแนวโน้มลดลง จนนำไปสู่การบรรลุข้อตกลง กำหนดให้ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เป็นพื้นที่ปลอดภัย เมื่อปี 2561 


          จากนั้นประเทศมาเลเซียเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน หลังนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ชนะการเลือกตั้ง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งผู้อำนวยความสะดวกคณะพูดคุยสันติสุขฯ คนใหม่ "ตันสรี อับดุลราฮิม บิน โมห์ด นูร์อดีตผู้บัญชาการตำรวจและผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลมาเลเซีย พร้อมยกเลิกแนวทางการพูดคุยของเดิม ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ หวังให้เกิดความสำเร็จภายใน 1 ปี ให้สอดคล้องกับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศมาเลเซีย

 

          โดยให้ความสำคัญ “กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ“ หรือ ”บีอาร์เอ็น” เพราะมีความชัดเจนในองค์กรนำ มีแผนขับเคลื่อนงาน ไม่ว่าจะด้านต่างประเทศการเมือง หรือการศึกษา และกองกำลังทางทหาร ภายใต้การนำของ “ดูนเลาะ แวมะนอ” หัวหน้ากลุ่มองค์กรบีอาร์เอ็น ขณะที่ “มาราปาตานี” ไม่ใช่ตัวจริง และเป็นกลุ่มหมดอำนาจไปแล้ว ไม่มีศักยภาพในการควบคุม สั่งการ


 


          ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ เป็น พล.อ.อุดมชัย พร้อมเซตทีมงานขึ้นมาใหม่ ลงพื้นที่รับฟังข้อมูลจากประชาชน ท่ามกลางกระแสข่าว ‘บีอาร์เอ็น’ ไม่เอาด้วย การพูดคุยทั้ง 3 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทางเปิด หรือทางลับ ไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว ในขณะเดียวกันความรุนแรงในพื้นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง


          การพูดคุยสันติสุขฯ เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง หลังจับกุมผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดพื้นที่ กทม. หลายจุด เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา


          ที่เป็นระดับ “ทีมปฏิบัติการ” ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ท่ามกลางข้อสงสัยถึงปฏิบัติการ เพื่อสร้างเงื่อนไขยกระดับการพูดคุยสันติสุขฯ 


          และในเดือนเดียวกันนี้ คนร้ายไม่ต่ำว่า 17 คน บุกปล้นร้านทอง อ.นาทวี จ.สงขลา มูลค่า 85 ล้านบาท ค่อนข้างชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากข้อมูลพบว่า คนร้ายก่อเหตุทั้ง 2 เหตุการณ์หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แม้ทางการไทยได้ประสานขอตัวมาดำเนินคดี แต่ได้รับคำตอบว่า ทั้งหมดได้เดินทางไปประเทศอื่นแล้ว


          พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เพราะทองที่ปล้นได้ก็ไม่รู้จะไปขายที่ไหน ก็ต้องเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอตัวมาดำเนินคดีนั้น ขณะนี้เรายังไม่ทราบชื่อผู้ก่อเหตุทั้งหมด


          พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งปรับแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  เพื่อจำกัดพื้นที่ก่อเหตุที่เป็นทั้งคนรุ่นเก่าและใหม่ พร้อมๆ กับการใช้สังคมออนไลน์เป็นฐานกำลังหลักเพื่อใช้ชี้แจงตอบโต้ หลังมีการปรับแผนกลยุทธ์ เพื่อปฏิบัติการกับกลุ่มก่อความไม่สงบ แบบค่ำไหนนอนนั่น


          ในขณะที่ “พล.อ.วัลลภ” แม้จะกลายเป็นตัวเลือกใหม่ ที่จะมาสานต่อการพูดคุยสันติสุขฯ แทน “พล.อ.อุดมชัย” แต่เชื่อว่าจะไม่ได้ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุเพราะนโยบายหลักของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเหมือนเดิม คือ ขาดความชัดเจนและไม่ต่อเนื่อง ทำให้การพูดคุยสันติสุขฯ เดินไปไม่ถึงไหน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ระเบิดกรุง หนาวสะท้าน การเมืองชายแดนใต้
-ส่งน้ำใจถึงตำรวจชายแดนใต้
-ผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้ จุดขายที่ แปลก-และแตกต่าง
-หวั่นโยงเหตุบึ้มเอี่ยวชายแดนใต้ สร้างบรรยากาศชิงชัง
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ