คอลัมนิสต์

บิ๊กป้อม ตัวตายตัวแทน บิ๊กตู่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ถอดรหัสลายพราง โดย... พลซุ่มยิง

 

 

          คำพูดเมื่อ 15 ปีที่แล้วของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยกำลังจะเป็นจริง หลังได้เห็นแววอนาคตทางการเมืองของนายทหารคนหนึ่ง พร้อมเปรยกับคนในแวดวงการเมืองด้วยกันว่า “ขอให้จับตานายทหารคนนี้ไว้” ในครั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังรับราชการทหารและความสัมพันธ์ยังไม่ขาดสะบั้นเหมือนเช่นทุกวันนี้

 

 

          ทันทีที่ตอบรับเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือว่า พล.อ.ประวิตร เข้าสู่ถนนการเมืองเต็มตัว หลังจากเตรียมการไว้ล่วงหน้า


          โดยถ่ายโอนอำนาจงานด้านความมั่นคงที่ครอบคลุมไปถึงการดูแลกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาอยู่ในมือของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม


          ‘ยุทธศาสตร์ใหม่’ นี้ถูกปรับหลังเห็นบรรยากาศความปั่นป่วนภายในพรรครัฐบาลและเวทีสภา


          ที่ไร้ความเป็นปึกแผ่นและขาดเอกภาพในการทำงานหากยังบริหารประเทศ ‘สไตล์’ เดิมๆ คงไปไม่รอด เพราะมีระบบการตรวจสอบที่เข้มข้นของฝ่ายค้าน และ พล.อ.ประวิตร ก็สุ่มเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเพราะมีความสัมพันธ์กับบุคคลมากหน้าหลายตา ทั้งทหาร-ตำรวจ-ข้าราชการ รวมถึงนักธุรกิจ


          ภายใต้ ‘ยุทธศาสตร์’ นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิก หรือนั่งเป็นหัวหน้า พปชร. อย่างที่คาดการณ์กันไว้ แต่จะเน้นงานด้านบริหารราชการแผ่นดินอย่างเดียว ส่วนงานด้านการเมืองเป็นหน้าที่ของพล.อ.ประวิตร เพราะนอกจากเป็นผู้กว้างขวางแล้วยังขึ้นชื่อเป็น ‘มือประสานสิบทิศ’ เพื่อขับเคลื่อนงานทั้งในและนอกสภา


          สิ่งแรกที่ พล.อ.ประวิตร ต้องเข้าไปแก้ปัญหาคือการ ‘คอนโทรล’ ส.ส.ในสภาวะเสียงปริ่มน้ำ


          เพราะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้แพ้การลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาต่อฝ่ายค้านถึง 2 ครั้ง ซึ่ง 10% มาจาก พปชร. แต่อีก 90% พบว่าเป็นคนของพรรคร่วมรัฐบาล เช่น ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และพรรคเล็กที่ไม่อยู่ในห้องประชุมขณะที่ทำการลงคะแนน




          เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร จะต้องเรียกความเชื่อมั่นและความศรัทธาพรรคร่วมรัฐบาลกลับคืนมาให้ได้และต้องเข้าไปหารือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลในการกำกับส.ส.ของตัวเองให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เช่นนั้นการบริหารงานจะเกิดปัญหาเช่นนี้ตลอด เพราะต้องการสร้างเงื่อนไขต่อรองทางการเมือง โดยเฉพาะในปี 2563 พ.ร.บ.งบประมาณจะผ่านสภา หากไม่รีบแก้ไขโอกาสรัฐบาลล่มมีสูง


          เป็นที่สังเกตว่าตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์ พปชร.ยังมีอำนาจเหนือกว่าหัวหน้าพรรค ทำนองเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ นั่งตำแหน่งนี้อยู่ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีปัญหาเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนตาม มาตรา 161 รัฐธรรมนูญ 2560 และอยู่ระหว่างเข้าไปชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดินภายใน 15 วัน รวมถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญยังรับวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (5) ตามที่ฝ่ายค้านยื่นผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร


          ยังไม่นับการแถลงนโยบายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญโดยไม่ชี้แจงจำนวนเงิน และที่มาของรายได้ แม้แต่ “พล.อ.ประยุทธ์” ก็กังวลกับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่จนออกอาการ 'แหยง’ เพราะเข้าสภาทีไร จะถูกฝ่ายค้านขย่มซ้ำในเรื่องเดิม พร้อมๆ กับหาประเด็นใหม่ๆ มาโจมตีตลอด เรียกว่าความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกแบบไม่ให้ตั้งหลัก ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ‘นายกรัฐมนตรี’


          ต้องยอมรับว่าฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ รู้จุดอ่อนของรัฐบาลและเดินเกมไปในทิศทางเดียวกันด้วยความมั่นคง ทั้งๆ ที่ไม่มีหัวหน้าพรรคคอยกำกับดูแล แต่ ส.ส.ภายในพรรคมีความสุขุม นิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าๆ หรือคนรุ่นใหม่ที่ฉายแววความรู้ความสามารถจนเดาทางไม่ออก เท่ากับว่า ‘พล.อ.ประยุทธ์’ กำลังรับศึกหนักและต้องปรับรูปเกมตลอดเพื่อรับมือฝ่ายค้าน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะยืนระยะได้ยาวกว่ากัน


          ซึ่งหากพลาดพลั้ง พล.อ.ประวิตร เปรียบเสมือน ‘ตัวตาย ตัวแทน’ ที่จะเข้ามาสานต่อในฐานะ ‘รักษาการนายกรัฐมนตรี’ เพราะไม่เพียงแต่จะรู้งาน 5 ปีของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว ยังรวมถึงการบริหารงานของรัฐบาลประยุทธ์ 1/2 อีกด้วย แต่ถ้าหากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด “พล.อ.ประยุทธ์” กระเด็นจากเก้าอี้ไม่ว่าด้วยปัจจัยใดก็ตาม พี่ใหญ่คนนี้ก็พร้อมเข้ามาทำหน้าที่ ‘นายกรัฐมนตรี’

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ