คอลัมนิสต์

เม็ดเงินคุ้มกับไล่เช็ดล้างปัญหา?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2562

 

 

          จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในประเด็นขอขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจากเวลา 02.00 น.ไปเป็น 04.00 น. โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามหัวเมืองใหญ่และบางพื้นที่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นปมร้อนที่สังคมจับตามองและวิจารณ์กันอย่างมากถึงผลดีและผลเสียดังกล่าว โดยล่าสุดนายกฯ ยอมรับว่าเป็นเพียงแนวคิดยังไม่มีการพิจารณาและการขยายเวลาสถานบันเทิงดังกล่าวก็เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง มีทั้งมหาดไทยและตำรวจ รวมทั้งยังมีความคิดเห็นหลากหลายต่างมุมมอง รวมถึงด้านความมั่นคงด้วย ขณะเดียวกันกลุ่มเยาวชนหากเปิดขยายเวลาอาจเที่ยวกันมากขึ้นจึงต้องใช้ความระมัดระวัง ดังนั้นในแนวทางเบื้องต้นทางต้นเรื่องคือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะนำเรื่องกลับไปศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติม จากนั้นจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

 


          มีการนำเสนอข้อดีของการขยายเวลาสถานบันเทิงเพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย โดยเน้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้เหมารวมทั่วประเทศ แต่จะพิจารณาว่าพื้นที่ใดเหมาะสมที่จะผ่อนผันให้ได้ โดยในหลักการจะต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่สำคัญและมีชาวต่างชาติจำนวนมาก ทั้งนี้ตั้งเป้าด้านเศรษฐกิจเบื้องต้นประเมินหากสามารถดำเนินมาตรการดังกล่าวได้จะช่วยเพิ่มค่าใช้จ่ายกินดื่มอีก 25% จากปัจจุบันที่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เฉลี่ย 5,000-6,000 บาท อย่างไรก็ตามยังมีเสียงเห็นต่างกันเรื่องนี้ แม้แต่ในกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้วยกันเองและที่ถูกหยิบยกมาทักท้วงคือปัญหาสังคม เยาวชน ค้าบริการทางเพศ และยาเสพติด รวมไปถึงปัญหาอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ทะเลาะวิวาท และอาชญากรรม ที่จะตามมาอีกมากหรือไม่ และมีวิธีรับมือแก้ไขอย่างไร


          มีคำถามมานานแล้วว่าประเทศเรามุ่งเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคำจำกัดความนักท่องเที่ยวคุณภาพเป็นที่รู้กันคือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบไม่กระทำผิดกฎหมาย ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องอบายมุข ยาเสพติด หรือซื้อขายบริการทางเพศ และยังมีพฤติกรรมเคารพขนบวัฒนธรรมชาติอื่นเข้าใจถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ประเทศต่างๆ แสวงหาและสร้างแรงดึงดูดให้เข้าไปเที่ยวในประเทศของตนมากกว่านักท่องเที่ยวประเภทอื่น ทั้งนี้เมื่อแยกแยะแล้วพบว่าปริมาณนักท่องเที่ยวคุณภาพจะมีสัดส่วนไม่มากจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยปีละกว่า 30 ล้านคน ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้พยายามปรับเปลี่ยนทิศทางให้หลุดพ้นจาก “ท่องเที่ยวเชิงปริมาณ” ไปสู่ “ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ” บนพื้นฐานของนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ก่อให้เกิดรายได้สูงขึ้นและเป็นสิ่งดีต่อประเทศ


          วันนี้ต้องพิจารณานโยบายท่องเที่ยวว่าเราต้องการทิศทางไหนที่แน่ชัด เราต้องการนักท่องเที่ียวคุณภาพที่เข้ามาแล้วประทับใจกับประเทศเราและพร้อมจะเดินทางกลับมาท่องเที่ยวใช้จ่ายกับเราอีกหรือเราต้องการแค่จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยไม่สนใจเรื่องคุณภาพ มุ่งแต่เม็ดเงินที่เข้ามาแต่อาจต้องแลกกับปัญหาสังคมอีกมาก รวมทั้งที่ยังจะตามมาคือเยาวชนของเราเองจะมีโอกาสเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้เพิ่มขึ้นด้วยและเป็นชนวนให้เกิดอาชญากรรมและอุบัติเหตุสูงขึ้น ดังนั้นการยกเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวและการดึงเม็ดเงินเพิ่มจากนักท่องเที่ยวเพื่อเปิดขยายเวลาสถานบริการเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบและทุกมิติ รวมทั้งชั่งตวงว่าการได้เม็ดเงินคุ้มกับต้องตามล้างตามเช็ดแก้ปัญหาอีกมากหรือไม่ เฉพาะแค่ไล่จับต่างชาติมาเฟียซุกซ่อนในไทยก็มากพอแล้ว ยังไงรัฐบาลก็ไตร่ตรองให้รอบคอบแล้วกัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ