คอลัมนิสต์

หรือลุงตู่จะสะดุดขาตัวเอง! ทำรัฐบาลล่มเร็ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย...  ลมใต้ปีก

 

 

          ประเด็นการถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เป็นปมที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาล และ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มายอมรับวันหลังว่าเป็นความผิดพลาด พร้อมขอโทษ ครม.ทั้งคณะ และจะรับผิดชอบแก้ไขปัญหานี้เพียงผู้เดียว

 

 

          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน ตามมาตรา 161 ความว่า “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนตลอดไป"


          ขาดข้อความที่ว่า "ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”


          รัฐธรรมนูญมาตรา 161 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าก่อนเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้


          “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”


          อย่างไรก็ดี รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุบทลงโทษในกรณีถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ว่า ครม.หรือนายกรัฐมนตรีต้องพ้นสภาพไป หรือมีผลกระทบอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่ทั้งตัวนายกรัฐมนตรีและฝ่ายค้าน “ไปไม่ถูก” ว่าควรจะทำอย่างไร กล่าวคือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหาทางแก้ปัญหา ขณะที่ฝ่ายค้านซึ่ง “รุกไล่” นายกรัฐมนตรีอยู่ ก็หาช่องทางไล่ไม่ถูก

 



          แต่เริ่มมีเสียงจากพรรคฝ่ายค้านและพรรคย่อยในรัฐบาล (ไทยศรีวิไลย์) โดย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกแล้วจัดตั้งรัฐบาลไปถวายสัตย์กันใหม่ การเรียกร้องของฝ่ายค้านนั้นพอเข้าใจกันได้ แต่การเรียกร้องของพรรคร่วมรัฐบาล แม้จะเป็นพรรค 1 เสียง ก็สั่นสะเทือนเช่นกัน


          มงคลกิตติ์ อ้างว่ารวบรวมพรรค 1 เสียงได้แล้ว 5 พรรค เพื่อถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลมาเป็นฝ่ายค้านอิสระ ซึ่งถ้าเป็นดังนั้นจริงจะทำให้เสียงสนับสนุนรัฐบาลเพียง 249 เสียง เกิด “สวิงโหวต” ของฝ่ายค้านอิสระ 5 เสียง จะมีผลต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาลลุงตู่ทันที


          ทว่าแกนนำพรรคพลังประชารัฐมั่นใจว่าเป็นเพียงข้ออ้างในการต่อรองตำแหน่งทางการเมืองของมงคลกิตติ์เท่านั้น เพราะขณะนี้มีการจัดโผ “ผู้ช่วยรัฐมนตรี, เลขานุการรัฐมนตรี, ที่ปรึกษารัฐมนตรี และประธานคณะกรรมาธิการ” จึงต้องเสียงดังเพื่อต่อรองตำแหน่งเหล่านี้ และมั่นใจว่าเป็นเสียงของมงคลกิตติ์เพียงคนเดียว ไม่ใช่ 5 พรรคเล็ก หรือ 10 พรรค (พรรคละ 1 เสียง) อย่างที่กล่าวอ้าง


          แกนนำพรรคพลังประชารัฐยังมั่นใจการมีเสียง “งูเห่า” ในฝ่ายค้านที่มาสนับสนุนรัฐบาลเมื่อครั้งลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว 6 เสียง และจะเพิ่มเติม “งูเห่า” ให้เป็น 20 เสียงในการสนับสนุนการลงมติเมื่อผ่านกฎหมายสำคัญ เพราะการลงมติกฎหมายไม่ต้องเปิดเผยชื่อจึงเป็น “งูเห่าดำดิน” ที่ไม่เปิดเผยตัวได้


          ทั้งประเด็นการถวายสัตย์และเสถียรภาพในคะแนนเสียงของรัฐบาลเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไปว่าลุงตู่จะหาทางออกอย่างไร หรือนี่จะเป็นประเด็นสะดุดขาตัวเอง แต่ที่น่าตำหนิคือเป็นรัฐบาลที่แวดล้อมด้วยนักกฎหมายชั้นเซียนทั้ง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีมือกฎหมาย “ชั้นอ๋อง” และดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีดีกรีกฎหมาย เป็นอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังพา “ท่านผู้นำตกท่อ” ในมุมกฎหมาย ทั้งสองเซียนกฎหมายจะกู้ขึ้นจาก “ท่อที่ตกไป” ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็ควรรับผิดชอบด้วย ไม่ควรลอยตัวอยู่ต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ