คอลัมนิสต์

ระเบิดเพลิงถล่มกรุงซ้ำรอย7จว.ได้เวลาปฏิวัติรปภ.เขตเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ระเบิดเพลิงถล่มกรุงซ้ำรอย 7 จังหวัดได้เวลาปฏิวัติมาตรการ รปภ.เขตเมือง โดย... ปกรณ์ พึ่งเนตร

 

 

          เมื่อวันพุธที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา พบระเบิดเพลิงเพิ่มเติมที่ร้านไพโรจน์เบเกอรี่ ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้า แต่ยังใช้ชื่อเดิมที่เคยเป็นร้านขายขนม ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนราชปรารภ ใกล้สี่แยกประตูน้ำ แขวงทุุ่งพญาไท เขตพญาไท แต่ระเบิดไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี จึงเข้าไปเก็บกู้เอาไว้ได้ และเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

 

 

          จากระเบิดเพลิงที่พบเพิ่มเติม ทำให้จนถึงขณะนี้สรุปได้ว่ามีการวางระเบิดเพลิงเอาไว้ถึง 7 จุดระหว่างวันที่ 1-2 สิงหาคม ได้แก่ แผงค้าย่านประตูน้ำ 3 จุด, ห้างแพลทตินัมประตูน้ำ 1 จุด, ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นโซนจำหน่ายตุ๊กตา 1 จุด, ร้านจำหน่ายตุ๊กตาบนห้างสยามสแควร์วัน 1 จุด และล่าสุดคือร้านไพโรจน์เบเกอรี่ ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการวางระเบิดป่วนเมืองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

 

ระเบิดเพลิงถล่มกรุงซ้ำรอย7จว.ได้เวลาปฏิวัติรปภ.เขตเมือง

 


          รูปแบบของระเบิดคล้ายคลึงกันแทบทุกจุด คือ ใช้เพาเวอร์แบงก์สีขาวเป็นภาชนะระเบิดเพื่อพรางตา แต่ไส้ในถูกแกะออก แล้วใส่แผงวงจรระเบิด และไอซีไทม์เมอร์ เข้าไปแทน เชื่อมสายไฟกับแบตเตอรี่ หน่วงเวลาไว้ให้ระเบิดทำงานช่วงเช้าวันที่ 2 สิงหาคม โดยวัตถุระเบิดลักษณะนี้เป็นระเบิดแสวงเครื่องชนิดหนึ่ง มีสภาพเป็น “ระเบิดเพลิง” คนร้ายเลือกวางตามร้านขายเสื้อผ้าและตุ๊กตาผ้าซึ่งติดไฟง่าย หวังให้เกิดเพลิงไหม้หลายๆ จุดพร้อมกัน โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านสยามสแควร์ และประตูน้ำ ซึ่งเป็นย่านการค้า


          ทั้งนี้ รูปแบบของระเบิดเพลิงที่ประกอบใส่เพาเวอร์แบงก์ เคยถูกใช้แล้วเมื่อครั้งเหตุการณ์ระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เมื่อวันที่ 10-12 สิงหาคม 2559 ทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านค้าและโกดังเก็บสินค้าในหลายจังหวัด โดยมีบางจุดที่ระเบิดไม่ทำงานด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

ระเบิดเพลิงถล่มกรุงซ้ำรอย7จว.ได้เวลาปฏิวัติรปภ.เขตเมือง

 


          นอกจากนั้นยังมีการย้อนไปถึงเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 ซึ่งเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สาขาเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ปรากฏว่าในคืนเดียวกันนั้นมีเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าและร้านค้าอีกหลายแห่งใน จ.สุราษฎร์ธานี และใกล้เคียง คาดว่าเป็นการลอบวางระเบิดเพลิงลักษณะเดียวกัน


          จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยยุทธวิธีซ้ำเดิมหลายครั้ง ทำให้ล่าสุดหน่วยงานความมั่นคงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการแจ้งเตือนร้านค้า โดยเฉพาะร้านจำหน่ายเสื้อผ้า ตุ๊กตาผ้า และโกดังเก็บสินค้าที่ติดไฟง่าย ให้ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของร้าน เพราะอาจมีบุคคลต้องสงสัยเข้ามาวางระเบิดเอาไว้แต่ไม่ระเบิด เบื้องต้นเน้นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน


          ส่วนมาตรการหลังจากนี้ จะรณรงค์และสนับสนุนร้านค้าเป้าหมายที่เป็น “กลุ่มเสี่ยง” ต้องติดตั้งกล้องวงจรปิด และตรวจสอบคนเข้าออก รวมทั้งตรวจชั้นวางสินค้าอย่างสม่ำเสมอ วันละอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อป้องกันการลอบก่อเหตุร้ายในลักษณะนี้ ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่คนร้ายนิยมนำมาใช้เพื่อสร้างสถานการณ์วินาศกรรมในเขตเมือง

 

 

 

ระเบิดเพลิงถล่มกรุงซ้ำรอย7จว.ได้เวลาปฏิวัติรปภ.เขตเมือง

 


          “โดยมากบริษัท ห้างร้าน หรือห้างสรรพสินค้า ยังให้ความสำคัญกับการตรวจสอบบุคคลที่มีลักษณะแปลกๆ แต่งกายแปลกๆ ที่เข้า-ออกร้าน ฉะนั้นต้องประชาสัมพันธ์ให้เพิ่มความเข้มงวดเพื่อช่วยกันเป็นหูเป็นตา” แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ระบุ


          ขณะที่ภาครัฐเองก็ต้องปรับแผนของตนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ เช่น กองทัพ ทำเนียบรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาเน้นการป้องกันภายใน เช่น ควบคุมการเข้าออก แต่ไม่ได้วางมาตรการป้องกันนอกอาคาร นอกรั้วโดยรอบ และยังไม่มีการฝึกทักษะเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าตรวจซีซีทีวี หรือโทรทัศน์วงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง ฉะนั้นควรใช้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนและกระตุ้นให้เกิดการยกระดับมาตรการในภาพใหญ่


          อนึ่ง ในจุลสารความมั่นคงศึกษา ในโครงการความมั่นคงศึกษา สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. ฉบับที่ 51 เรื่อง “ความมั่นคงเมือง” หรือ urban security ที่เขียนโดย ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุตอนหนึ่งว่า ความเชื่อเดิมที่ว่า “เขตเมือง” เป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด อาจไม่เป็นความจริงอีกต่อไป เพราะในทางตรงข้าม “เขตเมือง” จะกลายเป็นพื้นที่ที่เป็นจุดอ่อนมากที่สุดของรัฐบาลทุกประเทศในการระวังป้องกัน เพราะเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่อย่างหนาแน่น เป็นศูนย์รวมของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่กลุ่มก่อการร้ายต้องการโจมตี เพื่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ “เมือง” เป็น “เป้าหมายอ่อน” หรือ soft target ของการก่อการร้ายนั่นเอง

 

ระเบิดเพลิงถล่มกรุงซ้ำรอย7จว.ได้เวลาปฏิวัติรปภ.เขตเมือง

 


          เนื้อหาในจุลสาร ยังได้เสนอมาตรการรักษาความปลอดภัยเมือง ซึ่งนอกจากจะมีการเพิ่มอุปกรณ์เฝ้าตรวจแล้ว ยังต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักถึงความอ่อนไหวและความล่อแหลมในเรื่องนี้ด้วย


          เพราะการป้องกันการก่อวินาศกรรม ก่อความไม่สงบ หรือก่อการร้าย ไม่สามารถใช้มาตรการของหน่วยงานภาครัฐได้เพียงลำพังอีกต่อไป !

 

 

ระเบิดเพลิงถล่มกรุงซ้ำรอย7จว.ได้เวลาปฏิวัติรปภ.เขตเมือง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ