หนังสือพิมพ์คมชัดลึก 3-4 ส.ค. 62
*************************
“ถ้าไม่ให้เข้าสภา ก็จะอยู่กับประชาชน” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลั่นวาจาไว้อย่างถูกใจกองเชียร์ไม่นานมานี้ แต่ประเด็นคือไม่ได้แค่พูด
เพราะนับจากวันนั้น เสี่ยส้มหวานลงลุยเกือบทั่วไทย เพื่อทำตามโจทย์ 3 ข้อที่พรรคอนาคตใหม่วางไว้ในวาระครบรอบ 1 ปี 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังชัดเจนว่าพรรคของเขาฤดูกาลนี้ คือพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีเป็นอื่น
ถ้าจำได้ในงาน “1 ปี พรรคอนาคตใหม่ เดินไปด้วยกัน Walk with me Talk with me” ที่ธรรมศาสตร์ ธนาธรลั่นว่าโจทย์ที่ต้องทำข้อหนึ่งคือจะลุยเขย่าการเมืองท้องถิ่น ให้หมดยุค “บ้านใหญ่” ไม่เอาแล้วที่มากันทั้งสาแหรก !
ยุทธศาสตร์ไร้ข้อจำกัด ?
หลายคนวิเคราะห์ว่า พรรคอนาคตใหม่มียุทธศาสตร์การรุกเข้าการเมืองท้องถิ่น ที่เน้นพื้นที่ทาง “ยุทธศาสตร์” คือไม่ต้องปักหมุดเช็กอินมันหมดทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย แต่ที่จะไปต้องมีอิมแพ็ค โดยต้องมี ส.ส.เขตของพรรคอยู่แล้ว
มุมหนึ่งมีการวิเคราะห์ว่า ธนาธรไม่ต้องการชนกับพรรคฝ่ายเดียวกันโดยตรงอย่างเพื่อไทย ที่ครอบครองอยู่หลายพื้นที่ ด้วยการทำการเมืองท้องถิ่นแบบเดิม คือเรื่องของหัวคะแนน
แต่ปรากฏว่าวันที่ 11-12 มิถุนายน ธนาธรเปิดฉากด้วยการเทกระจาดนักวิเคราะห์ลงน้ำ เพราะเขาลงไปพังงาและภูเก็ต ที่เป็นถิ่นของพรรคสีฟ้าประชาธิปัตย์มายาวนานเหนียวแน่น หรือที่ภูเก็ตต่อให้งวดนี้ เก้าอี้จะย้ายไปเป็นของ ส.ส.พลังประชารัฐ แต่มันก็ไม่ใช่พื้นที่ของอนาคตใหม่อยู่ดี
มุมนี้ ถ้าไม่เพราะเป็นหมายเดิมที่ต้องทำให้ครบ ก็แปลว่าอนาคตใหม่กำลังลงไปเปิดตลาด คือต่อให้ยังไม่มีคนซื้อ ก็ขอให้ไปติดแบรนด์ไว้ก่อน
ว่าแล้วที่พังงา ภูเก็ต ธนาธรลุยกิจกรรมครบเครื่อง ทั้งรับฟังปัญหาประมงพื้นบ้าน พบปะสมาชิกพรรค และพูดคุยในกิจกรรม “ฟังเสียงบ่นคนภูเก็ต” ปัญหาการท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม
จากนั้นช่วงค่ำก็ขึ้นปราศรัยอนาคตใหม่กับการเมืองท้องถิ่น แถวลานหลังห้างจังซีลอน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นประหนึ่งว่าไม่มีอะไรหยุดเขาได้อีก
อีสานออนทัวร์
พอถึงคิวอีสาน 24 กรกฎาคม นครพนม, 25 กรกฎาคม มุกดาหาร และ อุบลราชธานี และไปจบที่นครราชสีมา ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2562
นาทีนี้วิเคราะห์ไปทำไมมี เพราะนครพนม คือพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย อุบลราชธานีก็ไม่ใช่พื้นที่ของอนาคตใหม่ ยิ่งโคราชยิ่งไมใช่เลยสักเขต แต่ธนาธรพุ่งไปที่ตรงนี้อย่างไม่ยี่หระ
โดยสรุปแล้วเนื้อหาของการไป ธนาธรระบุว่าพรรคอนาคตใหม่ จะยังคงผลักดันการแก้กฎหมายหลายเรื่องที่่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของประชาชนต่อไป แต่ที่เร่งด่วนที่สุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แถมยังไปร่วมงานเสวนาที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ให้วัยโจ๋ได้กรี๊ดกร๊าด ขอเซลฟี่และลายเซ็น แล้วไปจบที่โคราชกับกิจกรรม งาน “โคราชคุยเดิ้งธนาธรดา” ที่สีมา อารีน่า สนามฟุตบอลหญ้าเทียม
ฉากหน้า นี่เรียกว่าเป็นการเดินสายพบปะสมาชิกพรรค และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในจังหวัดภาคอีสาน
ฉากหลัง นี่คือการบุกถึงกลางบ้านคู่แข่ง หรือศัตรูทางการเมือง ฉกฉวยจังหวะหาเสียงล่วงหน้าของการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะถึง หรือล่วงหน้าของล่วงหน้าเผื่อไว้สำหรับวันที่เกมเปลี่ยนก็ได้เหมือนกัน
เอกต๊ะต่อนยอน
ไม่ต้องถูกหาว่าใช้งบประมาณรัฐหาเสียงเนียนๆ เหมือนกับรัฐไทยทุกสมัยโดนมา เพราะนี่ไม่ใช่ทัวร์นกขมิ้นของรัฐบาลฝ่ายหนึ่ง และไมใช่ ครม.สัญจรของอีกรัฐบาลหนึ่ง
แต่นี่คือการลงพื้นที่ของ “นายกฯ ในใจฟ้า” ที่ชื่อ “ธนาธร” เพื่อเก็บให้หมด ทั้งชาวบ้าน ชาวเมือง และคนรุ่นใหม่ และเก็บให้ได้ถึงกลุ่มที่ไม่ใช่ฐานเสียง
ล่าสุดร้อนๆ นี่้เอง ธนาธรบุกขึ้นเหนือวันที่ 1 สิงหาคม ปักหมุดนครสวรรค์ พื้นที่ของพลังประชารัฐส่วนใหญ่ ที่เหลือคือ เพื่อไทย และภูมิใจไทยอีกพรรคละ 1 เขต
แต่งานพบปะสมาชิกพรรค และจัดเสวนาย่อยที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ธนาธรได้ภาพประทับใจมาฝาก โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่เขาเก็บเกี่ยวมาได้พอสมควร
เขาระบุว่า อยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ผลักดันนโยบาย เพื่อให้ประชาชนและชาวบ้าน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำภายในสังคม และ “เราไปไกลกว่านี้ไม่ได้ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ”
ไม่ต้องพวกเดียวกัน ไม่ต้องรักกันมาแต่ต้น ไม่ต้องบอกว่ามาเลือกผม แต่เสี่ยเอกขอซึมลึกไปก่อน ว่าแล้วก็วกเข้าพิษณุโลกวันที่ 2 สิงหาคม แล้วตบท้ายที่เชียงใหม่ บ้านเกิดภรรยาคนสวยในวันที่ 4 สิงหาคม
สองจังหวัดหลังพรรคอนาคตใหม่ มี ส.ส.จังหวัดละ 1 เก้าอี้เท่านั้น !
ยุทธวิธีย้ำซ้ำ?
ที่เชียงใหม่ ธนาธรเปิดฉากรณรงค์แคมเปญ “จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ราวกับจะประกาศหมุดหมายสำคัญ
เพราะที่นั่น คือพื้นที่ที่เคยแดงเถือกไปด้วยเพื่อไทย มีเลือกตั้งหนนี้ที่เพิ่งเป็นสีส้มไปหนึ่งเขต ส่วนที่อื่น ก็เป็นพื้นที่ของพรรคอื่นทั้งสิ้นเหมือนกัน
มุมนี้ หากล้อไปกับการประกาศลุยท้องถิ่นเพื่อล้างบาง “บ้านใหญ่” หรือหัวคะแนนในพื้นที่ ก็คงเข้าใจได้ว่าทำไมธนาธรต้องกล้าลุย
จะห่วงก็แต่คนที่จะยุส่ง ว่านี่อาจเป็นการเปิดฉากต่อสู้กับพันธมิตรซึ่งแนบแน่นอย่างพรรคเพื่อไทย ที่ครั้งหนึ่งมีหัวหอกประกาศทำการเมืองท้องถิ่นแบบลงฐานราก จนสำเร็จในแบบฉบับของเมืองไทยยุค 2544
วันนี้ ถามว่าถ้าธนาธรจะทะลวงลงไปถึงราก ตามแบบฉบับของส้มหวานในฉากเมืองไทยยุค 2562 บ้าง คงไม่เกินไป
เพราะคะแนนรวมทั้งประเทศหกล้านกว่าเสียง เป็นอันดับสามในการเลือกตั้งใหญ่ แถมหากวิเคราะห์ดีๆ หลายจังหวัดที่กล่าวมาข้างต้น ส้มหวานแม้ไม่ได้เก้าอี้ ส.ส. แต่ก็มีคะแนนเป็นพรรคไม่ตกจากลำดับที่ 3
นี่แปลว่า ธนาธรกำลังลงไปเน้น ไปย้ำ ในพื้นที่ที่มีโอกาส ไปในที่ที่ติดแบรนด์ไว้ระดับหนึ่งแล้วนั่นแหละ
อย่างที่เกริ่นว่า “ถ้าไม่ให้เข้าสภา ก็จะอยู่กับประชาชน” แต่การไปหาประชาชนหนนี้ จะทำให้ธนาธรได้กลับเข้าสภาหรือไม่ (ภายในวงเล็บว่าถ้ารอดจากคดีต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับเกมยุบพรรคและตัดสิทธิ์การเมือง) น่าติดตามจริงๆ
**************//***************
ข่าวที่เกี่ยวข้อง