คอลัมนิสต์

กกต.มิตรแท้พรรคการเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กระดานความคิด   โดย... ร่มเย็น

 

     

          หลังเคาะจ่ายเงินอุดหนุนวงเงิน 112,413,603.74 บาท จากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ประจำปี 2562 ไปเรียบร้อยแล้ว สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงได้จัดการประชุมชี้แจงแนวทางการใช้จ่ายเงินของพรรคการเมืองที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ประจำปี 2562 ณ ห้องประชุม 704 ชั้น 7 สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ให้แก่ทั้ง 77 พรรคการเมือง เมื่อวันที่  26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการปฏิบัติตามกฎหมาย

 

 

          เนื่องจาก พ.ร.ป.พรรคการเมือง มีรายละเอียดและสาระสำคัญเปลี่ยนแปลงไปจากกฎหมายพรรคการเมืองฉบับเดิม ไม่ว่าจะเป็นการรายงาน การตรวจสอบ การเรียกคืน การลด และการงดเงินอุดหนุนของพรรคการเมือง รวมถึงการติดตามประเมินผลการใช้จ่ายเงินอุดหนุน


          ในส่วนการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง ได้รับคำชี้แจงจาก นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ว่า ส่วนใหญ่ที่พบมักเป็นเรื่องความผิดพลาดของเอกสาร เช่น เรื่องการเงิน การระดมทุน หรือการรับบริจาค ที่กรอกหลักฐานการรายงานไม่ครบ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นความผิด ขณะที่ตัวเลขการร้องเรียนพรรคการเมืองมีเข้ามาเป็นจำนวนมาก และทุกคำร้องขอให้ยุบพรรคทั้งที่ความผิดไม่ถึงขั้นต้องยุบพรรค 


          อย่างไรก็ตาม ขอทำความเข้าใจไปยังพรรคการเมืองและผู้สมัครด้วยว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนมีหน้าที่ต้องส่งบัญชีค่าใช้จ่ายต่อ กกต. ที่ผ่านมาพบว่าการจัดส่งเอกสารไม่เรียบร้อย บางคนรายงานมาเป็นข้อมูลดิบไม่เป็นไปตามหลักการทางบัญชี บางรายก็ตามตัวยากเพราะคิดว่าลงสมัครแล้วไม่ต้องยื่นบัญชีค่าใช้จ่าย


          ในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองเป็นสถาบันหลักของชาติ อาจเปรียบได้กับกระดูกสันหลัง นอกจากจะมีหน้าที่เผยแพร่อุดมการณ์ทางการเมืองแล้ว พรรคการเมืองยังต้องร่วมกันจัดระเบียบประชาชน หน้าที่ของ กกต.คือ สนับสนุนช่วยเหลือให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง หรือเรียกได้ว่า “กกต.เป็นเพื่อนกับทุกพรรค” ส่วนหน้าที่ในการทำการเมืองให้ดีนั้นเป็นเรื่องที่แต่ละพรรคการเมืองต้องสร้างและทำกันเอง โดยขอแนะนำให้ยึด พ.ร.ป.พรรคเมืองเป็นคัมภีร์ ปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองเป๊ะๆ โดยเฉพาะการรับบริจาคเงินและการใช้จ่ายเงินรายได้ เพื่อไม่ให้เข้าข่ายการนำพรรคการเมืองไปแสวงหาผลกำไร และจะทำให้เงินรายได้ของพรรคได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายอีกด้วย


          กรณีโต๊ะจีนระดมทุน ซึ่งถูกค่อนแคะว่านำโต๊ะจีนราคาหลักหมื่นมาเปิดขายราคาหลักล้าน เป็นการนำพรรคไปเป็นเครื่องมือทำมาหากิน–แสวงหากำไรหรือไม่ ซึ่งในทางกฎหมายไม่เป็นเช่นนั้น ราคาถูกหรือแพงไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวเลข แต่อยู่ที่ความเต็มใจของผู้บริจาค โดยประเด็นหลักที่ กกต.ต้องตรวจสอบคือรับบริจาคเงินจากต่างชาติและองค์กรของรัฐหรือไม่ ตัวย่อต่างๆ ในการจัดวางผังโต๊ะจีน ใช่หน่วยงานของรัฐซึ่งต้องห้ามบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองหรือไม่




          นอกจากนี้ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. และนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการกกต. ย้ำต่อหน้าพรรคการเมืองทั้ง 77 พรรค หลายครั้งว่า หลังการเลือกตั้งเราได้รัฐสภาและรัฐบาลมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด พรรคการเมืองต้องเตรียมตัว เมื่อใดที่เสียงนกหวีดดังต้องพร้อมส่งสมัคร ที่ผ่านมาเรามีคำสั่ง คสช.เป็นตัวช่วย โดยเฉพาะการทำ “มินิไพรมารีโหวต” เพื่อให้ทันการเลือกตั้ง


          แต่หลังจากนี้กฎหมายใช้บังคับเต็มรูปแบบ หากมองยาวว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเต็มเทอม การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีขึ้นภายในอีก 3 ปี 8 เดือน ก่อนถึงวันนั้นทุกพรรคการเมืองที่วางแผนจะส่งสมัครครบทุกเขตทั่วประเทศ ต้องมีสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมือง 350 สาขา โดยขั้นตอนการตั้งสาขาพรรคการเมือง รวมถึงการทำไพรมารีโหวต ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 8 เดือน หากทอดเวลารอจนถึงเฮือกสุดท้าย ส่งสมัครไม่ทันแน่นอน ระหว่างนี้ กกต.จึงมีข้อแนะนำเดียวให้ทยอยจัดตั้งสาขาและตัวแทนพรรคการเมือง เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร พรรคที่จะส่งสมัครทั่วประเทศต้องแย่งกันหาสมาชิกให้ได้ 4-15 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ถือเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของตัวเลขประชากรของประเทศ


          นอกจากนั้น พรรคการเมืองยังมีภาระที่ต้องรวบรวมสมาชิกไม่ให้รายชื่อซ้ำซ้อนกัน ต้องใช้ทั้งเวลาและงบประมาณ ที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กกต.อนุโลมให้แก่พรรคการเมืองที่คีย์ข้อมูลสมาชิกเข้าระบบไม่ทันให้แนบเอกสารประกอบการสมัคร แต่เมื่อเข้าสู่โหมดของการบังคับใช้กฎหมายเต็มรูปแบบ กฎหมายให้ถือฐานข้อมูลในระบบเป็นหลัก ข้ออ้างระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้อง คีย์ข้อมูลไม่ทัน กกต.ไม่รับสมัครแน่นอน


          หลังรับเงินอุดหนุนแล้วขอให้แต่ละพรรคแยกย้ายกันไปดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ปีนี้เงินอุดหนุนอาจจะน้อยไปสักนิด เหตุเพราะตัวเลขพรรคการเมืองยังไม่นิ่ง ในปีหน้า กกต.ขอรับประกันว่าจะผลักดันให้ได้วงเงินเพิ่มขึ้น ก่อนจากกันไป อย่าลืมว่า กกต.เป็นเพื่อนกับพรรคการเมือง
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ