คอลัมนิสต์

ใส่เกียร์แก้ปัญหาจราจร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2562

 

 

          แม้ขณะนี้ รัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายอย่างเป็นทางการ โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดส่งเอกสารคำแถลงนโยบายเร่งด่วนจำนวน 80 หน้า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีเตรียมแถลงต่อรัฐสภาระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ ไปให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาแล้ว เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะต้องเร่งดำเนินการภายในเวลา 1 ปี 12 เรื่อง ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาปากท้องของประชาชน และปัญหาเฉพาะหน้าเช่น ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาการจราจร ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีบางกระทรวงก็เริ่มลงพื้นที่เพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนบ้างแล้ว เช่น รัฐมนตรีเกษตรฯ ลงตรวจภัยแล้งในจังหวัดที่กำลังแล้งวิกฤติ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ตรวจพื้นที่ก่อสร้างบริเวณถนนพระราม 2 ซึ่งทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก และถนนสายนี้ก็ได้รับฉายาว่าเป็นถนนเจ็ดชั่วโคตร เพราะซ่อมสร้างไม่จบสิ้น

 


          ว่าด้วยเรื่องการจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตลอดช่วงรัฐบาล “ประยุทธ์ 1” จะมีก็เพียงพล.อ.ประยุทธ์เองเท่านั้น ที่ลงพื้นที่ตรวจการจราจรพร้อมให้นโยบายการเชื่อมต่อโครงข่ายการเดินทางทางถนน ทางเรือ และรถไฟฟ้าหรือการขนส่งมวลชน ทั้งๆ ที่การแก้ไขปัญหาควรเป็นนโยบายรัฐบาลซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการจากทุกหน่วยงาน โดยมีกระทรวงคมนาคมเป็นแกนหลัก แต่กลับเน้นหนักไปในเรื่องการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางพิเศษระหว่างเมือง รถไฟฟ้า ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ หากแต่ปัญหาการจราจรก็เป็นเรื่องเฉพาะหน้าที่ต้องเร่งเยียวยาแก้ไข ลำพัง พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียวนั้น ก็ไม่อาจจะเสกเป่าการจราจรที่คับคั่งทั้งกรุงเทพฯ และเมืองบริวาร ไม่เว้นแม้แต่วันหยุด ซ้ำร้ายยามฝนตก สิ่งที่ตามมาก็คือรถก็ติดหนักติดนานมากขึ้นทุกวันให้ทุเลาลงได้


          การลงพื้นที่ของรัฐมนตรี หลังว่างเว้นมานานหลายปี เพื่อตรวจตราถนนหนทางที่รถติดหนักเพราะการก่อสร้าง ยังพบข้อบกพร่องบางอย่างของสัญญา ซึ่งก็รับปากว่าจะไปตรวจสอบ ซึ่งนั่นก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการทำงานหลังจากเกียร์ว่างมาเป็นเวลานาน เพราะจะว่าไปแล้ว จำเป็นต้องดูแลอีกหลายโครงการทั้งที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างแสนสาหัส ทั้งที่อาจมีวาระซ่อนเร้นไม่ชอบมาพากลแอบแฝงอยู่ นอกจากนี้ ยังต้องเร่งสานต่อโครงข่ายคมนาคมเพื่อสามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเดินทางของประชาชน ซึ่งศตวรรษข้างหน้านี้จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสู่ระบบขนส่งมวลชน ซึ่งแนวทางหนึ่งที่มีข่าวจากกระทรวงคมนาคมก็คือการลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า แม้โดยหลักการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่ผลพวงที่จะตามมาคือ ทำให้ระบบรางเป็นการขนส่งที่ทุกคนเข้าถึงได้


          ตามนโยบายหลักข้อหนึ่งของกระทรวงคมนาคม การลดภาระค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนโดยการลดค่าโดยสารในการเดินทางทุกระบบ ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟ รถเมล์ ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็ควรดูทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าในความดูแลของ กทม. รถร่วมเอกชน เรือโดยสารของเอกชน ไม่ใช่เพียงแค่ให้บริการรถเมล์ฟรี รถไฟฟรีอย่างที่ผ่านมา แต่ที่ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนระบบขนส่งมวลชนทางรางก็คือ เรื่องราคาค่าโดยสารที่แพงเกินไป ยิ่งตั้งแต่ก่อนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ รฟม.จะให้เปิดบริการรถไฟฟ้าเพิ่มเติม ก็ควรจะมี “ราคาถูก” เป็นแม่เหล็กจูงใจให้ประชาชนมาใช้บริการกันมากขึ้น ทำให้คนที่เคยใช้รถส่วนตัวจอดรถไว้ที่บ้าน และคนจนสามารถเข้าถึงได้ ก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชน แก้ปัญหาจราจร และส่งเสริมโครงข่ายการขนส่งระบบรางให้มั่นคง ยั่งยืน ไปพร้อมกัน

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ