คอลัมนิสต์

"อยากจะขอวิงวอน..." จากใจผู้สูญเสีย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ข่าวเนชั่นสุดสัปดาห์ 20-21 ก.ค.52 หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก

 

***************

 

เสียใจไม่พอ ยังเหนื่อยทั้งกายและใจอีกด้วยกับ ครอบครัวของผู้สูญเสีย โดยเฉพาะ 9 รายที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นการลาจากโดยไม่คาดคิดและตั้งตัว

 

วันนี้แม้ในทางคดี พวกเขาเหลือแค่รอให้ฝ่ายจำเลยดำเนินการตามศาลสั่ง โดยมี ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ประกาศจะอยู่ช่วยต่อไปให้รู้เรื่อง

 

แต่ในความรู้สึกแล้ว พวกเขาแทบจะมอดไหม้ไปทั้งใจตั้งแต่วันเกิดเหตุ

 

ผู้เสียชีวิตทั้ง 9 รายคือ ภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี (อาจารย์),  ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง อายุ 33 ปี (นักวิจัย), อุกฤษฎ์ รัตนโฉมศรี อายุ 30 ปี (ผู้ช่วยนักวิจัย), ตรอง สุดธนกิจ อายุ 24 ปี (บัณฑิต),  นฤมล ปิดตาทะนัง อายุ 38 ปี (คนขับรถตู้), สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี (นักศึกษา), เกียรติมันต์ รอดอารีย์ อายุ 23 ปี (นักศึกษา), ปรัชญา คันธา อายุ 23 ปี (นักศึกษา) และ จันจิรา ซิมกระโทก อายุ 22 ปี (เสียชีวิตภายหลัง)

 

ทุกวันนี้ญาติๆ และครอบครัวของพวกเขาที่อยู่ข้างหลัง เป็นอย่างไรกันบ้าง น่าสนใจยิ่ง

 

 

แม่ผู้ชรา

 

จากหน้าข่าวสาร เราเห็นแล้วว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตเหล่านั้น ล่าสุดเราเห็นได้ชัดเจนว่า พวกเขายังคงทนทุกข์

 

โดยเฉพาะที่คนไทยให้ความสนใจมากคือ ถวิล เช้าเที่ยง แม่บุญธรรมของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หรือ “ดร.เป็ด” ที่นอกจากอายุมากแล้วถึง 71 ปี ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการร้อยมาลัยขายอยู่ที่บ้านใน จ.ราชบุรี

 

 

"อยากจะขอวิงวอน..."  จากใจผู้สูญเสีย

ถวิล เช้าเที่ยง แม่บุญธรรมของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง

 

แม้แม่หนิงระบุว่าด้วยวัยที่แก่มากแล้ว เรื่องจะเดินหน้าทางกฎหมายเห็นจะสู้ไม่ไหว แต่สิ่งที่ปวดใจคือท่าทีของอีกฝ่าย

 

ในรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ เธอยังเล่าว่า จริงอยู่ที่ช่วงวันที่ 1 มกราคม 2554 แม่ของแพรวาเคยโผล่ไปขอขมาศพลูกชาย โดยมีการกราบเท้าพร้อมมอบเงิน 30,000 บาทเป็นค่าปลงศพให้แก่ทุกชีวิตที่สูญเสีย

 

กับอีกครั้ง คือก่อนเปิดคำพิพากษาคดีอาญา แพรวาเคยแวะไปขอขมาตนที่ตัก โดยมาพร้อมพ่อแม่ แต่วันนั้นนางถวิลกล่าวว่ามาทำไมป่านนี้ตั้ง 2 ปีมาแล้ว

 

“ช่วงที่ลูกเรียนจบมาก็อยากให้แม่เลิกร้อยพวงมาลัย แต่แม่ยังทำไหวก็ขอทำไปก่อน ถ้าเลิกร้อยพวงมาลัยในวันที่ลูกขอให้เลิก วันนี้คงลำบากกว่านี้ เพราะวันนี้ไม่มีลูกมาคอยเลี้ยงดูแล้ว และพี่น้องก็ตายหมดแล้ว เหลือเพียงแค่หลานสาวคนเดียวที่มาช่วยกันร้อยพวงมาลัยขายแบ่งข้าวกินกันไป ก็อยากให้แพรวาได้เห็นใจบ้างเพราะเวลาก็เนิ่นนานมาแล้ว”

 

ทุกวันนี้ แม่ถวิลขายพวงมาลัยดอกไม้อยู่ที่ตลาดทรัพย์สิน หน้าธนาคารกรุงเทพ อ.เมืองราชบุรี แวะเวียนไปอุดหนุนได้

 

 

หัวอกแม่คนขับ

 

ทองพูน พานทอง แม่ของ นฤมล ปิดตาทะนัง คนขับรถตู้ผู้เสียชีวิต เธอกล่าวเสมอว่า ทุกวันนี้ยังต้องคอยบอกกล่าวไปยังลูกสาวเล่าเรื่องคดีให้ฟัง เผื่อว่าวิญญาณจะได้รับรู้ว่า ผลทางกฎหมายออกมาว่าลูกสาวของเธอไม่ผิด

 

 

"อยากจะขอวิงวอน..."  จากใจผู้สูญเสีย

ทองพูน พานทอง แม่คนขับรถตู้

 

ส่วนกับครอบครัวจำเลย ก็อยากจะให้เขามองพวกเราให้เป็นเหมือนมนุษย์กับเขาบ้าง ให้คิดว่าเราเป็นคนเหมือนเขา แน่นอนเรื่องเงินสำคัญ แต่ไม่เท่าจิตใจของคน

 

เธอกล่าวในรายการคมชัดลึก เนชั่นทีวี 22 ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ไม่ได้โกรธแค้นอีกต่อไปแล้ว แต่ยังคงเหนื่อยล้า ทั้งต้องสู้ในแต่ละวันกับภาระการทำมาหาเลี้ยงชีพในชีวิต

 

“ถ้าจะวิงวอนได้ก็ให้เขาเมตตาเราบ้าง” เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้รับการติดต่อมาเลย

 

สำหรับชีวิตความเป็นหลังเสียลูกสาวไป เธอยังคงดูแลหลาน ขายขนม และรับจ้างทำงานกับเจ้านายเก่าต่อไป โดยแผงขนมของเธออยู่ที่ตลาดสยามนารา ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ ปักหลักตรงเสาไฟฟ้าหน้าเซเว่นฯ

 

 

แก้วตาดวงใจ

 

สำหรับ สุชาดา ปาละกูล แม่ของ ตรอง สุดธนกิจ บัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เป็นอีกคนที่นับว่าเจ็บปวดไม่แพ้กัน เพราะน้องตรองเป็นบุตรสาวคนเดียวของเธอ เป็นความหวังของครอบครัว

 

แต่ที่หนักหนาตามมา คือผ่านมาปีเดียว สามีหรือพ่อของน้องตรอง ที่กลายเป็นคนนิ่งเงียบหลังลูกสาวจากไป ก็มาตรอมใจเสียชีวิตตามไปอีกคน จากอาการหัวใจล้มเหลวทั้งๆ ที่ไม่ได้มีโรคประจำตัว

 

 

"อยากจะขอวิงวอน..."  จากใจผู้สูญเสีย

สุชาดา ปาละกูล แม่ของ ตรอง สุดธนกิจ

 

 

ส่วนตนเอง ทุกวันนี้เหมือนอยู่ไปวันๆ ถ้าคิดถึงลูก ก็หยิบอัลบั้มตอนรับปริญญามาดู และยังคงร้องไห้คิดถึงทุกครั้ง

 

 

คนที่เป็นเมีย

 

สำหรับ สิตาพัชญ์ พงศ์รัตน์ถาวร ภรรยาของ อุกฤษฎ์ รัตนโฉมศรี ผู้ช่วยนักวิจัย รายนี้หลังเกิดเรื่อง ก็เหมือนชีวิตหยุดลง เพราะต้องลาออกจากงานไปอยู่ต่างจังหวัด เพื่อดูแลลูก และพ่อแม่ของสามีด้วย

 

มุมหนึ่งที่น่าสลดใจคือ สามีหรือพ่อของลูกจากไปตอนที่ลูกมีอายุแค่ 3 ขวบ เธอจึงต้องทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ และยังต้องคอยปลอบประโลมฝ่ายพ่อแม่สามี เพราะดูเหมือนว่าพวกเขายังคงทำใจไม่ได้กับการสูญเสีย

 

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากจริงๆ แล้ว ในกลุ่มผู้สูญเสีย คงไม่มีใครเจ็บไปมากกว่าใคร เพราะทุกคนคือผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน

 

********************///*******************

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ