คอลัมนิสต์

"แพรวา" จำเลยชั่วชีวิต?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ข่าวจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก 20-21 ก.ค.62

 

*********************

 

9 ปี 9 ชีวิตในคดีแพรวา เหมือนจบแต่ไม่จบ โดยเฉพาะ “ความเจ็บปวดและกดดัน” ที่ทุกฝ่ายต้องเจอมาถึงขีดสุด

 

หันมาข้างคนที่เป็นจำเลย ทั้งจำเลยที่ 1-3 คือตัวของ “แพรวา” เอง ที่ในวันนี้ใช้ชื่อ รวินภิรมย์ อรุณวงศ์” (นามสกุลแม่) ส่วนอีกสองคือพ่อและแม่ของเธอ ถ้าเปรียบเป็นละคร แม้ยังไม่ถึงบทอวสาน แต่ไฮไลท์ของเรื่องก็มาถึงตอนที่ว่า ไม่มีใครหนีชะตากรรมและความรับผิดชอบไปได้พ้นแม้แต่คนเดียว

 

รวมไปถึง “จำเลยของสังคม” อีก 200 ครอบครัว ที่ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย เพียงเพราะพวกเขานามสกุลเดียวกัน เทพหัสดิน ณ อยุธยา”

 

 

 

ไม่ผิด แต่ร่วมรับ

 

คดี 9 ศพ หลังผ่านมาเกือบทศวรรษ มาถึงวันนี้ที่เรื่องกลับมาร้อนแรง มันสะท้อนว่าถึงจุดหนึ่งพลังของคนไทยก็มากพอที่จะขยับเคลื่อนอะไรได้บ้าง 

 

 

"แพรวา" จำเลยชั่วชีวิต?

 

 

18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ราชสกุล “เทพหัสดิน” ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว แม้ว่างานนี้กระจอกข่าวจะแอบได้ยินว่าผู้ที่มาในวันนั้นรับโทรศัพท์แล้วพูดกับปลายสายประมาณว่า ถูกบังคับให้มา !

 

แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็แปลว่าต้องทำต่อไปให้จบ ทั้งการเยียวยาผู้เสียหาย และเคลียร์ใจกับข้อพาดพิงต่อราชสกุลเทพหัสดิน ที่ถูกโยงว่าใช้สกุลใหญ่มาข่ม

 

ตัวแทนราชสกุลที่มาคือ สุชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ ณัฐพล ทองคำ ทนายความประจำราชสกุล ได้ระบุว่า ไม่เคยนิ่งนอนใจ ทั้งในทางกฎหมาย ที่ผลักดันครอบครัวจำเลยให้ทำตามกระบวนการยุติธรรมมาตลอด

 

ขณะที่ในด้านจิตใจและการเยียวยา ทางราชสกุลเพิ่งทราบว่าทางครอบครัวจำเลยมิได้เคลื่อนไหวใดๆ กับทางญาติผู้เสียหายและผู้เสียชีวิต วันนี้จึงต้องออกโรงเพื่อชี้แจงและร่วมรับผิดชอบเท่าที่จะสามารถทำได้

 

คือนอกจากได้มอบกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุไว้สำรองใช้จ่ายในการติดตามบังคับคดีสืบทรัพย์ตามกฎหมายหลังจากนี้ต่อไปแล้ว ยังมีเงิินอีก 5 แสนบาท ที่รวมรวมมาเพื่อมอบให้แก่ครอบครัวผู้เสียหาย

 

 

"แพรวา" จำเลยชั่วชีวิต?

 

 

ทั้งหมดนี้ เป็นความตั้งใจของคนในราชสกุล เพื่อให้นำไปใช้เป็นกองทุนเรียกร้องการดำเนินคดีตามคำพิพากษา

 

จากข้างต้น มุมหนึ่งที่ต้องเห็นใจคนนามสกุลนี้ ไม่เพียงว่าพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว แต่คนนามสกุลนี้อีกราว 900 ชีวิต หลายคนก็มิได้ร่ำรวยดังที่คนไทยเข้าใจ

 

แต่ในเมื่อเร่ื่องราวดำเนินมาจนขนาดนี้ ต่อให้ “จำใจ” ก็ยังถือว่ามาแล้ว

 

 

 

ช้าไป ไม่ทัน?

 

ทำไมไม่พูดก่อนหน้านี้ สำหรับ "ลัดดาวัลย์ อรุณวงศ์" มารดาของแพรวา ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อสังคมเป็นครั้งแรก

 

เธอให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่านรายการโหนกระแส ช่อง 3 ระบุถึงประเด็นที่คนไทยรอฟัง โดยยอมรับว่าที่ทุกอย่างล่วงเลยมาถึงป่านนี้ เพราะหาเงินไม่ทันจริงๆ ครอบครัวไม่ได้มีเงินมากพอที่จะชดใช้ได้ทันที

 

 

"แพรวา" จำเลยชั่วชีวิต?

 

 

ดังนั้นวันนี้ จึงออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ นำโฉนดที่ดินประมาณ 30 ฉบับ เนื้อที่ราว 21 ไร่ ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท

 

และยังมีบ้านหรูที่โลกโซเชียลพากันแชร์อยู่ตอนนี้ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเมืองทองธานี เนื้อที่ 300 ตารางวา มูลค่า 55 ล้านบาท มีชื่อ พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา บิดาของแพรวาเป็นเจ้าของ

 

สินทรัพย์นี้ แม่ของแพรวาได้ประกาศขายทั้งหมดกลางรายการ แต่ก็ขอให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยอนุมัติเงินกองทุนยุติธรรมเยียวยาผู้เสียหายไปก่อน ตนขอเป็นลูกหนี้กองทุนยุติธรรมแทน ขายได้จะใช้คืน

 

พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่มีเจตนาดึงเรื่องให้ยืดเยื้อ แต่เพราะไม่มีเงินสดมากพอ จนเมื่อเรื่องเข้าสู่ศาล ครอบครัวก็ไปตามขั้นตอนโดยไม่เคยคิดหนีหรือยักย้ายถ่ายเทสมบัติ จนมาถึงฎีกา ก็ต้องฎีกาแย้งตามขั้นตอน

 

ส่วนเหตุที่ไม่ไปศาล เพราะฝ่ายบิดาเกิดล้มป่วยต้องรักษาตัว แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าทนายซึ่งเป็นญาติมิได้ไปตามนัด จึงได้กราบขอโทษผู้เสียหายในเรื่องนี้ และทางครอบครัวทุกคนก็ทุกข์มาตลอด

 

“9 ปีไม่มีใครมีความสุข เรามีความทุกข์ เราเสียใจ ลูกเราอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ทุกคนอยู่ได้ด้วยยานอนหลับ ไม่เคยมีวันไหนที่มีความสุข ใจเราร้องไห้และทุกข์ตลอด คิดอยู่ตลอดว่าจะช่วยเหลือทุกคนอย่างไร”

 

 

 

ขีดเส้นใต้ “จำเลยที่ 1”

 

ประโยคหนึ่งจากปากของคนเป็นแม่ คือ “แพรวาอยู่เหมือนตายทั้งเป็น ทุกคนอยู่ด้วยความหวาดระแวงว่าเธอจะฆ่าตัวตายเข้าสักวัน"

 

ถ้ามองย้อนกลับไป 9 ปีก่อน 27 ธันวาคม 2553 วันเกิดเหตุ วันนั้น “แพรวา” เพิ่งมีอายุเพียงแค่ 16-17 ปีเท่านั้น เธอเพิ่งผ่านวัยเด็กหญิงมาเพียงไม่นาน

 

 

"แพรวา" จำเลยชั่วชีวิต?

 

 

หลังเกิดเหตุ เราเห็นแล้วว่าแพรวาถูกประณามตั้งแต่นาทีแรกที่เป็นข่าว แต่คิดแทนผู้ปกครอง อาจเพราะต้องการปกป้องบุตรสาว จากกระแสสังคมภายนอกที่กำลังเกรี้ยวกราด และเรื่องราวยังต้องไต่สวนสืบรอยอีกมาก

 

แต่เรื่องนี้กลายเป็นความผิดพลาด จนชาวเน็ตพากันสืบคุ้ยเรื่องราวของเธอ และนำออกสู่สังคมในท่วงทำนอง “ยังอยู่ดีมีสุข"

 

โดยหลังแพรวาปรากฏตัวครั้งสุดท้ายหน้าสื่อ ช่วงมกราคม 2554 ที่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมครอบครัวและทนายความ คนไทยก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเธออีก

 

มารู้อีกทีว่าเธอเปลี่ยนชื่อเป็น บัวบูชา” และได้เห็นภาพเต็มตาอีกครั้งช่วงปี 2555 ในวันรับน้องที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งชาวเน็ตขุดมาปล่อย

 

แต่เรื่องของเธอเงียบไปอีกครั้ง จนมาล่าสุดนี้เอง หลังศาลแพ่งมีคำตัดสินให้ชดใช้ครอบครัวผู้เสียหายแล้วช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ผ่านมาหลายเดือนคนบ้านนี้กลับเงียบกริบ

 

คนไทยจึงขุดเรื่องของเธอออกมากดดันอีกรอบ และพบว่าที่ผ่านมา แพรวาก็ต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลายอย่าง ถึงขั้นพลิกคว่ำคะมำหงายเหมือนกัน

 

 

สุข-ทุกข์ของแพรวา

 

แพรวา เหมือนจะดำเนินชีวิตมาตามปกติ โดยแต่งงานกับ สรวีย์ รัฐพิทักษ์ถิรดา” นักธุรกิจใหญ่ ช่วงปี 2557 แต่ก็จบลงแค่ข้ามปีด้วยการหย่า

 

 

"แพรวา" จำเลยชั่วชีวิต?

 

 

รายนี้มีข้อมูลว่าเขาเคยลงเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 16 เมื่อปลายปี 2556 โดยสังกัดพรรคคนขอปลดหนี้ ปัจจุบันทำงานด้านการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ

 

แต่ถ้าเราไม่มัวแต่โฟกัสว่าด้านหนึ่งเขาเคยเป็นอดีตกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอาจมีการใช้ตำแหน่งช่วยให้อดีตภรรยาเข้าทำงานที่แผนกจัดทำข้อมูลการสนทนากองสารนิเทศ สำนักงานวิเทศสัมพันธ์ กระทรวงกลาโหม เมื่อเดือนมิถุนายน 2560 ตามที่ชาวเน็ตขุดเจอว่าเธอเคยใช้ชื่อ รวินภิรมย์” ไปสมัครสอบที่นี่

 

 

"แพรวา" จำเลยชั่วชีวิต?

 

 

ซึ่งภายหลังทางกลาโหมแจงว่า แพรวาสอบไม่ผ่านและไม่ได้ทำงานที่นี่ ก็สอดคล้องกับที่สรวีย์ปฏิเสธว่าพวกเขาจบความสัมพันธ์กันไปก่อนนั้นแล้ว พร้อมขอให้คนไทยอย่าโยงตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับทางคดี

 

ทั้งหมดหากเป็นความจริง ก็จะพบว่าที่ผ่านมา แพรวาก็ไม่ได้แฮปปีี้ดี๊ด๊าอะไรเลย เพราะนอกจากเรื่องคดีแล้ว ยังมีการถูกติดตามขุดคุ้ย ถล่มด่า พอจะมีคู่ ก็ล่มภายในปีเดียว

 

แถมอดีตสามี ยังกล่าวกับสื่อว่า เลิกกันเพราะทัศนคติและวัยที่เข้ากันไม่ได้ หรืออาจหมายถึงปัญหาชีวิตคู่จากอาการซึมเศร้าของอีกฝ่ายก็ยังน่าคิด

 

แพรวาหอบเสื้อผ้ากลับมาบ้านพ่อแม่ เปลี่ยนชื่อมา 3 ครั้ง แม้ไม่เคยใช้สกุลสามี แต่ก็เหมือนเปลี่ยนมา 3 รอบ วันนี้ในวัยเบญจเพส ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าทำงานการอะไรเป็นหลักแหล่ง มองดีๆ ก็คงไม่ใช่คนที่มีความสุขเท่าไร

 

หลายคนอาจคิดว่า นี่น่าจะเป็นสิ่งที่คนบ้านนี้ได้รับแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ครอบครัวฝ่ายผู้เสียหายรอคอย แล้วก็ไม่ใช่แค่การยอมดำเนินการตามที่ศาลตัดสินเท่านั้น !

 

****************///***************

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ