คอลัมนิสต์

เปิดศาลไต่สวน "ธนาธร" ให้สังคมรับรู้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง   โดย...  ลมใต้ปีก 

 


          หมดเวลาสำหรับกำหนดการยื่นคำร้องต่อสู้คดีถือหุ้นสื่อที่ขัดต่อคุณสมบัติผู้สมัครส.ส. ตามมาตรา 98(3) ของรัฐธรรมนูญ ในคดีที่ กกต.ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังขยายเวลามาแล้ว 30 วัน นั่นหมายความว่า เวลาในการที่ศาลจะเริ่มกระบวนการวินิจฉัยจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเป็นความ “ระทึก!” ต่ออนาคตทางการเมืองของนายธนาธร

 

 


          หากศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง อุปสรรคทางการเมืองของนายธนาธรจะหมดไปเรื่องหนึ่ง สามารถโลดแล่นในสภาผู้แทนราษฎร อย่างที่ตั้งใจ แต่หากศาลวินิจฉัยว่ากระทำผิด ขัดคุณสมบัติผู้สมัคร นอกจากจะต้องถูก “เว้นวรรค” องค์กรที่เกี่ยวข้องต้องนำผลคำวินิจฉัยไปดำเนินคดี “อาญา” ต่อนายธนาธรต่อ นั่นหมายถึง “คุก” รออยู่


          ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ออกมาประกาศและสร้างกระแสว่า หากส.ส.ผู้ถูกร้องคนอื่นไม่ผิด ตัวเขาก็ไม่ผิด เฉกเช่นเดียวกับคนอื่น โดยไม่ได้ให้สังคมแยกแยะ “พฤติการณ์” แห่งคดีว่ามีความ “แตกต่าง” กันระหว่างคดีของนายธนาธร กับส.ส.ผู้ถูกร้องคนอื่น


          ประเด็นของส.ส.คนอื่นคือบริษัทที่ถูกร้องนั้นต้อง “วินิจฉัย” ว่าเป็นบริษัท “ทำสื่อ” หรือไม่ ซึ่ง “งบการเงิน” ของแต่ละบริษัท จะเป็นหลักฐานสำคัญประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แต่กรณีบริษัท วี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร ปรากฏ “งบการเงิน” ตั้งแต่ปี 2551-2561 ว่าเป็นบริษัทประกอบกิจการ “สื่อ”


          ประเด็นของคดีนายธนาธร จะอยู่ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการโอนหุ้นที่นายธนาธรครอบครองอยู่ในบริษัท วี-ลัค มีเดีย ก่อนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 หรือไม่ ที่ผ่านมาในชั้น กกต. และต่อสาธารณะ นายธนาธรต่อสู้ว่าโอนหุ้นให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นมารดา ตั้งแต่ 8 มกราคม 2562 แต่ชั้นการสอบสวนและการลงมติของกกต.นั้น “ไม่เชื่อ” จึงวินิจฉัยว่า นายธนาธรมีคุณสมบัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญจึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชั้นสุดท้าย


          ดังนั้นเพื่อไม่ให้สังคมเคลือบแคลงและเข้าใจผิดใน “วาทกรรม” ที่นายธนาธร และพลพรรคอนาคตใหม่ พยายาม “ก่อกระแส” ว่าศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระทั้งหลาย “สองมาตรฐาน” รับใช้ “การสืบทอดอำนาจ” ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ควร “วินิจฉัย” ในทันที หลังครบกำหนดยื่นคำแก้ข้อกล่าวหา 8 กรกฎาคมนี้ ควรอย่างยิ่งที่จะ “เปิดศาล” ไต่สวน ทั้ง “ผู้ร้อง” ผู้ถูกร้อง และบุคคลในคดี เพื่อให้สังคม “รับรู้” และให้เป็นกรณีศึกษากับ “เหตุแห่งคดี” ก่อนการวินิจฉัย เพื่อให้ “ทุกฝ่าย” ยอมรับและไม่ “บิดเบือน” เอาความจริงบางส่วนไปสร้างกระแส “ผิดๆ” การเปิดศาลไต่สวนจึงน่าจะเป็นหนทางช่วย “ยกระดับ” การรับรู้ของคนไทยทั้งแผ่นดิน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ