คอลัมนิสต์

กำราบแว้น..ผิดซ้ำพ่อแม่นอนคุก!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจระวังภัย  โดย...คณาธิศ ศรีหิรัญเดช

 

 

          ปัญหาจับเด็กแว้นป่วนเมืองเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สะสมมานาน ยังคงมีการปราบปรามออก “กฎเหล็ก” มาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งแล้วในช่วงของรัฐบาล คสช. ถึงกับงัดมาตรา 44 มาจัดการ เพื่อจัดระเบียบให้สังคมเกิดความสงบสุขและให้เอาผิดกับผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยไม่ตักเตือนบุตรหลาน เพราะการที่วัยรุ่น เด็ก เยาวชน ใช้รถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง ท่อดัง มารวมกลุ่มแข่งรถกันตามถนนหลวง นอกจากจะผิดกฎหมาย เป็นอันตรายแก่ตัวเองและผู้อื่นที่ใช้รถใช้ถนน มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนรำคาญจากท่อรถที่ส่งเสียงดัง

 

 

          แม้จะปรากฏผลการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสัปดาห์ ยึดรถหลายร้อยคัน ควบคุมเด็กเยาวชนหลายร้อยคน ก่อนนำทั้งเด็กและผู้ปกครองไปอบรมละลายพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีเด็กแว้นหน้าใหม่และหน้าเดิมออกมารวมกลุ่มปิดถนนหลวงแข่งรถสร้างความเดือดร้อนรำคาญแบบ “เหิมเกริม” เหมือนเคย เฉกเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางกรุงเทพฯ ถนนพระราม 4 ช่วงเช้ามืดวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศก็ยังประสบปัญหาไม่ต่างกัน ที่สำคัญการนัดแนะออกมารวมกลุ่มในยุคสมัยนี้ง่ายแค่ปลายนิ้วผ่านเพจเฟซบุ๊ก ซึ่ง “หัวโจก” แอดมินเพจหลายคนที่เคยถูกจับเป็นแค่เยาวชน 


          เช่นเดียวกับที่ จ.ชลบุรี โดยตำรวจดำเนินการกวดขันจับกุมเด็กแว้นป่วนเมืองตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในช่วงสุดสัปดาห์สิ้นเดือนมิถุนายน สามารถยึดรถจักรยานยนต์ได้ถึง 540 คัน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนเกือบ 100 คน ซึ่งเรื่องนี้ต้องเอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมาย ทำประวัติให้ครบถ้วน หากออกมาทำผิดซ้ำอีกต้องคาดโทษเอาผิดต่อพ่อแม่ผู้ปกครองด้วย

 

          เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (ผบก.ภ.จว.ชลบุรี) บอกว่า มีประชาชนหลายพื้นที่แจ้งเบาะแสของกลุ่มเด็กแว้นโดยเฉพาะเรื่องรถจักรยานยนต์ที่เสียงดัง ออกมาขับในเวลากลางวันและกลางคืน โดยมีการเบิ้ลคันเร่งให้เสียงดัง ซึ่งปัญหาของเด็กแว้นเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของชาวชลบุรี สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ชาวบ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน และก่อนหน้านี้ประชาชนมีการพยายามว่ากล่าวตักเตือนวัยรุ่นกลุ่มนี้แต่ไม่เป็นผล ไม่มีใครเกรงกลัวต่อกฎหมาย เกรงว่าหากไม่มีการระงับเด็กแว้นเหล่านี้อาจจะพัฒนาตัวเองไปสู่การก่อเหตุอาชญากรรม ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้มีมาตรการป้องกันและปราบปราม มีมาตรการกวาดล้างกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวพร้อมกับรถจักรยานยนต์ โดยประสานกับหน่วยงานหลายพื้นที่เพื่อกวาดล้างและจับกุม นอกจากนี้ยังมีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในคราวเดียวกัน 

 

 



          พล.ต.ต.นันทชาติ อธิบายว่า สำหรับข้อหาและอัตราโทษที่เกี่ยวข้อง คือ 1.ขับรถประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน อัตราโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท 2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ตามอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุด 10,000 บาท 3.เปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ (ดัดแปลงสภาพรถ) ตามอัตราโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท และ 4.ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท


          “ในส่วนของผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กหรือเยาวชนออกมากระทำความผิด ต้องมีส่วนรับผิดในข้อหา บิดามารดาหรือผู้ปกครองสนับสนุนปล่อยปละละเลยให้เด็กหรือเยาวชนร่วมกลุ่มหรือมั่วสุมให้แข่งรถในทาง ตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ข้อ 2 อัตราโทษ คือ ตักเตือนทำทัณฑ์บน หรือให้วางเงินประกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหรือเยาวชนกระทำผิดอีก และหากเด็กหรือเยาวชนกระทำผิดซ้ำอีก บิดามารดา หรือผู้ปกครอง ต้องระวางจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท และริบเงินประกัน” พล.ต.ต.นันทชาติ กล่าวย้ำ


          แน่นอนว่าปัญหานี้ต้องแก้ตั้งแต่ระดับครอบครัวช่วยอบรมสั่งสอน ไม่ปล่อยปละละเลย ตำรวจเองก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและชัดเจน หากดื้อดึงทำผิดซ้ำก็ต้องยอมรับผลกรรมที่ได้ก่อ..!!

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ