คอลัมนิสต์

เร็ว-แรงทะลุนรก'กระบี่' ส้มหล่น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... อ๊อด เทอร์โบ..ดับเครื่องชน [email protected]

 

 

          ท่ามกลางข่าวการเมืองเรื่องปวดหัว ‘ดับเครื่องชน’ มีข่าวดีสบายๆ มาเรียนให้ทราบว่า ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ‘เดอะฟาสต์แอนด์เดอะฟิวเรียส’ ภาค 9 หรือชื่อไทยว่า ‘เร็ว-แรงทะลุนรก’ ภาค 9 จะยกกองถ่ายทำมาที่กระบี่ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ยาวนานไป 4 เดือน

 

 

          นี่เป็นเรื่องน่ายินดีและถือว่าเป็นโชคดีสำหรับประเทศไทยมากๆ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ดังมากหรือแรงมาก ผ่านมาแล้ว 8 ภาค ยกกองไปถ่ายทำในหลายๆประเทศ อย่างเม็กซิโก-ญี่ปุ่น ฯลฯ ทำให้มีคนติดตามไปเที่ยวชมโลเกชั่นหรือฉากการถ่ายทำกันมาก

          ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างโดย ‘ยูนิเวอร์แซล’ นำแสดงโดยพระเอกกล้ามโต ‘วิน ดีเซล’ และทุกตอนที่ออกฉายไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยมีแฟนๆ ชมกันมากมาย

          ขณะนี้กองถ่ายทำได้ขนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ พวกซูเปอร์คาร์ เครื่องมือต่างๆ และทีมงานมากระบี่แล้ว ซึ่งจะมีการถ่ายทำไปถึงภูเก็ต, พังงา, สุราษฎร์ธานี เมืองทะเลที่สวยงามของไทย

          เรื่องนี้รัฐบาลต้องเปิดไฟเขียวและอำนวยความสะดวกเต็มที่ เพราะประเทศไทยมีแต่ได้กับได้ทางด้านสร้างเงิน-สร้างงาน-โรงแรม-การเดินทาง-อาหารการกิน รวมแล้วนับพันล้านบาท และเป็นการสร้างเสริมการท่องเที่ยวแบบ ‘ฟรี’ ด้วย

          ที่ต้องระวังมีอย่างเดียวก็คือจะต้องขอความร่วมมือด้านเนื้อหา-สาระของหนังเรื่องนี้ว่าไม่ขัดต่อวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย และอย่าให้มีการทำลายธรรมชาติสภาพแวดล้อม

          ‘เร็ว-แรงทะลุนรก’ ภาค 9 จะออกฉายทั่วโลกปีหน้า ซึ่งฟันธงได้เลยว่าจะทำเงินมหาศาลและพร้อมกับสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยและต่อไปก็จะมีนักท่องเที่ยวมาอีกจำนวนมาก

 


          เหมือนอย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘เจมส์ บอนด์’ ที่มาถ่ายทำใช้ฉากเกาะตะปู-เกาะปันหยี จ.พังงา ซึ่งต่อมากลายเป็น ‘เจมส์ บอนด์ ไอส์แลนด์’ หรือเกาะเจมส์ บอนด์ ไปเลยจนบัดนี้

          ประเทศไทยเรามีสิ่งดีๆ มากมาย ขอให้รู้จักใช้-รู้จักรักษาและนำมาสร้างงาน-สร้างเงิน

          รัฐบาลต้องสนับสนุนแนวทางหาเงิน ไม่ใช่ดีแต่หาทางเก็บภาษีและเอาไปใช้อย่างไม่เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างที่เห็นกันอยู่ โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่น-เสียค่าโง่ ฯลฯ
อ๊อด เทอร์โบ


 


 ข่าวดีสำหรับเกษตรกร-ผู้ยากจน
 ขอความช่วยเหลือเงินสินเชื่อได้

          นายขจรศักดิ์ เจียรธนากุล ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. แถลงถึงการดำเนินการของ บจธ. ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีว่า พ.ศ.2561-2580 สู่การปฏิวัติเพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความสุขของคนไทย เน้นสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการกระจายการถือครองทรัพย์สินให้มีความเป็นธรรม เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ประชาชนทุกกลุ่ม

          จึงขอเป็นสื่อกลางแจ้งให้ทราบดังนโยบายการดำเนินงานดังนี้


 


 ธนาคารที่ดิน
 เศรษฐกิจพอเพียง-เป็นธรรม

          บจธ. ได้สนับสนุนให้องค์กรชุมชนหรือชุมชนในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ มีการบริหารจัดการที่ดินรวมกัน ทั้งที่ดินทำกินและที่ดินสำหรับการอยู่อาศัยในรูปแบบแปลงรวม โดยให้จัดตั้งสหกรณ์การเกษตร จำนวน 4 แห่ง และ บจธ. ได้จัดซื้อที่ดินไปแล้ว จำนวน 157 แปลง เนื้อที่ประมาณ 703 ไร่ จากที่ดินทั้งหมดประมาณ 810 ไร่ เพื่อให้เกษตรกร จำนวน 499 ครัวเรือน เช่าซื้อที่ดินกับ บจธ. ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน ร้อยละ 3 ต่อปี ผ่อนระยะเวลาไม่เกิน 30 ปี เพื่อให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นของตนในรูปแบบนาแปลงรวม

          ที่ผ่านมา บจธ. ได้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจนได้ ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรไปแล้วจำนวน 302 ราย ที่มีปัญหาที่ดินหลุดมือไปแล้ว โดยรวมประมาณ 2,394 ไร่ ทำให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินกลับคืนมาเป็นของตนเอง

          ถือเป็นภารกิจหลักของเราในการบริหารจัดการที่ดิน โดยมีรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดตั้งธนาคารที่ดิน โครงการต้นแบบบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร โครงการแก้ไขปัญหาสูญเสียสิทธิในที่ดินของเกษตรกรและผู้ยากจน โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง 5 ชุมชน และโครงการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาที่ดินจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล

          การจัดตั้งธนาคารที่ดินนั้น ถือเป็นกลไกสำคัญในการกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรมและยั่งยืน ทำให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสม เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและบริหารจัดการที่ดินเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับเกษตรกรและผู้ยากจนให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเพื่อให้องค์กรชุมชนเกษตรกรได้มีการบริหารจัดการที่ดินร่วมกัน มีสิทธิในที่ดินทำกินและที่ดินสำหรับอยู่อาศัยในรูปแบบนาแปลงรวม

          พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ต้องการใช้ประโยชน์ในที่ดิน กับที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ ภายใต้ชื่อโครงการตลาดกลางที่ดิน โดยมีระบบเว็บไซต์ตลาดกลางที่ดินทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สนใจรับบริการ

          นอกจากความช่วยเหลือทางการเงินอย่างสินเชื่อต่างๆ และทุนเพื่อการประกอบการด้านการเกษตรแล้ว ยังมีบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย และมีส่วนงานที่ทำหน้าที่คัดกรองที่ดินและกลุ่มเกษตรที่มีคุณภาพให้แก่ทั้งสองฝ่าย พร้อมติดตามดูแลการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพื่อความมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม ความสะดวก และประโยชน์สูงสุด

          เกษตรกรและผู้ยากจนที่ต้องการรับการช่วยเหลือเงินสินเชื่อดังกล่าว สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.labai.or.th หรือส่งอีเมลที่ [email protected] หรือติดต่อได้ที่ โทร.0-2278-1244, 0-2278-1648 ต่อ 601, 602, 610 มือถือ 09-2659-1689


logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ