คอลัมนิสต์

เพื่อไทย-อนาคตใหม่ ต้องเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... กวาดบ้านกวาดเมือง โดย... ลมใต้ปีก

 

 

 

          หมดเวลามานั่งคร่ำครวญถึงความพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประดิษฐ์วาทกรรม “ถูกปล้น” ชัยชนะ ทั้งที่ข้อเท็จจริง คนทั้งแผ่นดินรับรู้ว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แพ้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยคะแนน 244 ต่อ 500 แพ้ทั้งในสภาล่าง (ส.ส.) และสภาสูง (ส.ว.) 

 


          แต่มิใช่การแพ้ที่น่าทับถม หากผู้ปราชัยอย่างธนาธร มีน้ำใจ “นักกีฬา” ยอมรับกับความพ่ายแพ้ มิใช่เบี่ยงเบนว่า “ถูกปล้นชัยชนะ” ปล้นตรงไหน? มีการใช้ งูเห่าสีส้ม ในอนาคตใหม่มาลงคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือมีการโกงการลงคะแนนหรือไม่ คำตอบคือไม่มี การทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมอย่างโปร่งใส และเปิดเผย ของชวน หลีกภัย น่าจะเป็นการทำหน้าที่ที่ทำให้รัฐสภาเป็นที่น่าเชื่อถือได้ในรอบ 30 ปี 


          ต่อไปนี้เมื่อการเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น และการจัดตั้งรัฐบาลกำลังเกิดขึ้น ทั้งธนาธร พรรคอนาคตใหม่ และพรรคเพื่อไทย เลิกคิดถึงการ “แย่งอำนาจ” โดยการบิดเบือนหรือให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงต่อสังคม และเลิกสร้าง วาทกรรม “เอาดีใส่ตัว ชั่วให้คนอื่น” ได้แล้ว 

 


          ต้องใช้เสียง 246 ส.ส.ของฝ่ายค้าน อันประกอบด้วย เพื่อไทย (136) อนาคตใหม่ (81) เสรีรวมไทย (10) ประชาชาติ (7) เศรษฐกิจใหม่ (6) เพื่อชาติ (5) และพลังปวงชนไทย (1) ให้เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดิน 

 


          ด้วยการติดตาม ควบคุมการทำงานของรัฐบาลให้มีความโปร่งใส เสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน จงใช้ 246 เสียงของฝ่ายค้าน ทำงานในระบบรัฐสภา ทั้งการใช้กลไกคณะกรรมาธิการในสภา สอบสวนสิ่งผิดปกติ ติดตามการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี-ข้าราชการ ใช้กระทู้และญัตติในการตรวจสอบตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ถึงรัฐมนตรีทั้งคณะ ถ้าเห็นพฤติกรรมอันไม่สุจริต ทำให้ประเทศเสียหาย สามารถยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นมาตรการขั้นสูงสุด ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ


          ถ้าหาก 246 เสียงของฝ่ายค้าน นำโดยเพื่อไทย-อนาคตใหม่ ทำงานอย่างเข้มแข็ง และชอบธรรม ไม่ใส่ร้าย สร้างเรื่อง หรือวาทกรรมที่มุ่งทำลายล้าง แต่คัดค้านตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์เพื่อผลประโยชน์ต่อประเทศอย่างแท้จริง ไม่สร้างเรื่องราวเหมือนกรณีเด็กเลี้ยงแกะ “ถูกซื้องูเห่า หัวละ 120 ล้านบาท” โอกาสที่ประชาชนส่วนใหญ่ จะเลือกพรรคขั้วเพื่อไทยและอนาคตใหม่ ให้ขึ้นมาบริหารประเทศแทน พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีสูง


          ตรงกันข้าม หากใช้ 246 เสียงอย่างไร้คุณค่า อภิปรายไปเรื่อยเหมือนครั้งก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี หรือการพูดจาเลื่อนลอย กล่าวหาผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล-หลักฐาน หมดเวลาไปกับการประดิษฐ์ “วาทกรรม” หรือพูดซ้ำไปซ้ำมาแต่ “ต่อต้านเผด็จการ” เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จนลืมทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของผู้แทนปวงชนในรัฐสภา ทั้งเพื่อไทย อนาคตใหม่ และพรรคในซีกฝ่ายค้าน ก็จะกลายเป็น “อนาคตหมอง” 


          ดังนั้น ในโอกาส การเมืองปริ่มน้ำ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนเห็น เมื่อนั้นจะเป็นโอกาสทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ ของทั้ง เพื่อไทย-อนาคตใหม่ 


          เฉกเช่นเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลจะใช้อำนาจเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัว หรือเพื่อพวกพ้อง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป เพราะนอกจากจะมีฝ่ายค้านที่เข้มแข็งคอยถ่วงดุล ยังเป็นรัฐบาลผสม ที่ถ่วงดุลกันข้างในเอง นี่คือข้อดีของรัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำ ที่ผู้นำมิสามารถใช้อำนาจโดยพลการ เพราะมีการจ้องตรวจสอบทั้งข้างในรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็งที่สุด 


          ประเทศชาติได้ประโยชน์จากระบบตรวจสอบถ่วงดุล หากทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ