คอลัมนิสต์

อย่าเพิ่งสิ้น "ศรัทธา"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2562

 

 

          เรียบร้อยไปแบบชุลมุนวุ่นวายพอสมควร สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามคาด “นายกรัฐมนตรี” ของประเทศไทยยังคงเป็นคนหน้าเดิมที่ใครบางคนอาจเบื่อหน่ายส่ายหน้าหนี แต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังคงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ประเทศไทย ณ เวลานี้เหนือกว่าใครๆ ทั้งปวง ความนิยมของ “บิ๊กตู่” อาจไม่ท่วมท้นเหมือนเมื่อ 2 หรือ 3 ปีก่อน แต่คงไม่น้อยนิดจนถึงขนาดต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบน่าใจหาย จากนี้ไป “เวลา” จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” จะกู้วิกฤติศรัทธา ทำงานด้วยความมุ่งมั่น สุจริต โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนกลับมา “เทใจ” ให้อีกครั้ง

 


          นับจากวันนี้คงหมดเวลาแล้วที่จะมานั่งตั้งหลักนับหนึ่งใหม่...ปัญหาของประเทศไม่สามารถรอได้อีกแล้ว แต่ภายใต้เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำที่เต็มไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรด ระดับตัวพ่อ ยอมรับว่า รากเลือดแน่ เพราะยังไม่ทันไรก็เห็นแกนนำพรรคการเมืองเจ้าหลักการออกมาร้องแรกแหกกระเชอทวงสัญญาเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีกันเย้วๆ แล้ว ขณะที่ฝั่งพลังประชารัฐก็มีทีท่ายึกยักเหมือนจะดึงเก้าอี้เกรดเออย่างกระทรวงเกษตรฯ คืน ยังไม่ทันไรภาพแห่งความขัดแย้งก็เริ่มคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง มาถึงขั้นนี้ก็คงทำได้แค่เอาใจช่วยรัฐบาลชุดนี้ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้ว่าในความเป็นจริงสถานการณ์มันโคตรน่าห่วง เพราะตราบใดที่ทุกคนยังคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวมากว่าประเทศชาติก็อย่าหวังว่า “รัฐบาลชุดนี้” จะไปได้รอดเกินขวบปี


          ได้เห็นภาพนักการเมืองไทยในช่วงหลายปีมานี้รู้สึกท้อแท้ “สิ้นหวัง” อย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าใครจะรู้สึกเหมือนกันหรือไม่ว่า การเมืองไทยไม่สามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่แล้วหรือ บางครั้งถึงกับน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้เห็นภาพ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติเดินหน้าห้ำหั่นกันด้วยวาทะแบบ “Hate Speech” ในอีเวนท์โหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมาแล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า “การเมืองไทยเดินมาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อใด” เสียงโห่ฮาไล่ต้อน คำพูดร้ายลึกที่เต็มไปด้วยการโจมตี ใส่ร้ายเพื่อให้อีกฝ่ายจมอยู่ใต้บาทาเป็นอะไรที่น่าสะอิดสะเอียนมาก


          มาถึงตรงนี้คงไม่ต้องไปหวังอะไรกับอนาคตข้างหน้าว่า “ประเทศไทย” จะกลับเข้ารูปเข้ารอยโดดเด้งเป็นสง่าราศีเหนือชาติอื่นใด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฉากที่เลวร้ายเพียงกระผีกของนักการเมืองไทยเหล่านี้เท่านั้น...นักการเมืองไทยในวันนี้เป็นอะไรที่สิ้นหวัง ส่วนตัวรู้สึกละอายแทนที่เห็นคนเหล่านี้วันๆ เอาแต่นั่งโทษตัวบทกฎหมายต่างๆ ว่า ไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ แต่คนพวกนี้ไม่เคยย้อนดูตัวเองว่า ใครคือ “ต้นเหตุ” แท้จริงที่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง...อย่ามัวแต่โทษ “ระบบ” จนหลงลืมตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตนเอง...


          หรือ...การเมืองจะเป็นเรื่องโหดร้าย...สุดท้ายหลายคนอาจตั้งคำถามว่า ประเทศไทยจะไม่มีนักการเมืองน้ำดีที่เป็นต้นแบบ “นักประชาธิปไตย” อย่างแท้จริงเลยหรือ... มีครับ อย่างน้อยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นนักการเมืองคนหนึ่ง ชื่อ “อภิสิทธิ เวชาชีวะ” แสดงสปิริตด้วยการลาออกจาก ส.ส. เพราะไม่สามารถผิดสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนได้...แม้จะมีเสียงสะท้อนทั้งด้านบวกและลบ แต่โดยส่วนตัวรู้สึกชื่นชมในความคิดและหลักการของนายอภิสิทธิ์ เพราะการจะเป็นนักการเมืองที่ดีสิ่งหนึ่งคือคุณต้องรู้ซึ้งถึงภาระ ความรับผิดชอบที่มีต่อประชาชนเป็นหลัก แม้ว่า ความรับผิดชอบอันสูงส่งนั้นจะทำให้ตนเองต้องพบกับหายนะก็ตาม...การเมืองไทยอาจยังไม่สิ้นหวัง...หากเรายังมี “ศรัทธา” อยู่ในหัวใจ แม้จะเป็นแค่จุดเล็กๆ ก็ตามเถอะ...!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ