คอลัมน์... อ๊อด เทอร์โบ..ดับเครื่องชน [email protected]
ด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ จึงขอเป็นสื่อกลางนำเสนอจดหมายจากคุณ ‘เสรีพล’ กทม. ต่อไปนี้มาแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับให้ระมัดระวังอุบัติเหตุพลาดพลั้งเวลาถ่ายเซลฟี
จึงแจ้งเตือนมาด้วยความห่วงใยและโปรดระวังเพราะเกิดเรื่องบ่อยครั้งทั้งในห้างสรรพสินค้า อาคารตึกสูง หรือภูมิประเทศสถานที่ท่องเที่ยวตามภูเขาหน้าผา ฯลฯ
รวมถึงพวกคิดท่าแปลกๆ ที่อาจพลาดเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ
อ๊อด เทอร์โบ
อย่าห่วงท่าสวย-วิวงาม เซลฟี
พลาดพลั้งไม่มีใครช่วย
เวลานี้โทรศัพท์มือถือเหมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายคนเราไปแล้วครับ ซึ่งมีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งไม่ต้องบรรยายความก็รู้กัน
ผมเองเป็นคนสูงวัย มองเห็นว่าเดี๋ยวนี้คนไทยเราเป็นพวกสังคมก้มหน้าคือ ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือทั้งส่งไลน์ ส่งเมล ส่งรูป ฯลฯ แม้บางทีกินข้าวอยู่สองคนก็ต่างคนต่างเล่นกดมือถือจนดูเหมืนว่าขาดมือถือเหมือนขาดใจตาย
ยิ่งไปกว่านั้นระบบถ่ายรูปคลิป ถ่ายวิดีโอ จากโทรศัพท์มือถือเจริญพัฒนาคุณภาพจนกล้องถ่ายรูปหมดสมัยตกยุคไปเลย
นี่เองผมจึงเขียนจดหมายมาหาคุณ ‘อ๊อด เทอร์โบ’ เพราะวันก่อนเห็นข่าวมีคนตกตึกจากชั้น 7 ถึงชีวิตเพราะไม่ระวังตอนถ่ายเซลฟี ซึ่งก่อนนี้ก็มีเรื่องคนไปเที่ยวภูเขา-หน้าผา-ท้องทะเล ฯลฯ แล้วถ่ายเซลฟีไม่ระวังเลยพลาดตกลงมา
จึงเตือนมาขอให้ระวังไว้ด้วยครับ อย่าเห็นแก่วิวสวยหรือมุมแปลก และเวลานี้เห็นมีพวกคิดท่าแปลกๆ เซลฟี โปรดระวังอันตราย !
เสรีพล (กทม.)
ระยะนี้มีเรื่องกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ตรวจสอบเรื่องโรงพยาบาลเอกชนคิดค่ารักษาและค่ายาแพงเกินจริง อย่างข่าววันก่อนว่าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งคิดค่ารักษาคนไข้ท้องเสียราว 30,000 บาท
‘ดับเครื่องชน’ จึงขอสนับสนุนให้ดำเนินการเรื่องนี้เพราะถ้าเป็นการซื้อของเรียกว่าค้ากำไรเกินควร
แต่มองอีกด้านหนึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขต้องหันมามองตัวเองว่า โรงพยาบาลของรัฐบาลมีปัญหาคนไข้ล้นหรือบริการไม่ดี ซึ่งจะต้องปรับปรุงการทำงานด้วย
อย่าไปอ้างเหตุผลว่างบประมาณไม่พอหรือขาดหมอขาดนางพยาบาลหรือเครื่องมือแพทย์เพราะทุกรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก
จนกระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวง ‘เกรดเอ’ ที่นักการเมือง พรรคการเมืองแย่งกันเข้ามาบริหารควบคุม แต่รัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารงานเป็นคนคุณภาพระดับ ‘เกรดเอ’ หรือไม่ ?
อ๊อด เทอร์โบ
โรงพยาบาลเอกชนคิดค่ารักษาเกินจริง
ท้องเสียจ่าย 3 หมื่นบาท
กรณีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งคิดค่ารักษาพยาบาลและค่ายาแพงเกินจริงจำนวน 2 กรณี คือการร้องเรียนการเข้ารับการรักษาพยาบาลอาการท้องเสีย แต่โรงพยาบาลเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลรวม 30,000 บาท และการร้องเรียนเรื่องราคายาแพงเกินจริงไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
หลังจากที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีการค้ากำไรเกินควรจริง มีความผิดตามมาตรา 29 ของกฎหมายฉบับดังกล่าว โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เรื่องค่ารักษาอาการท้องเสีย กรมการค้าภายในเห็นว่าเป็นการรักษาที่มากเกินกว่าความจำเป็น และมีการคิดราคาเกินสมควร และกรณีค่ายาเมื่อเปรียบเทียบกับราคาในบัญชียาที่อยู่ในบัญชีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่
พบว่ามีการคิดราคาสูงเกินจริงมาก ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย จึงต้องส่งดำเนินคดี
ส่วนเรื่องกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ยืนยันว่าโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไม่ได้รักษาเกินกว่าเหตุ และไม่มีความผิดนั้น ถือเป็นการดำเนินการของ สบส. ที่พิจารณาเฉพาะการรักษาพยาบาล และใช้กฎหมายคนละฉบับกับกรมการค้าภายในในการพิจารณา โดยกรมการค้าภายในจะพิจารณาเฉพาะเรื่องราคายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์เท่านั้น
การส่งเรื่องดำเนินคดีครั้งนี้ถือเป็นคดีแรกที่มีการดำเนินคดีกับโรงพยาบาลเอกชนที่เอาเปรียบผู้ป่วย คิดราคายาและค่ารักษาพยาบาลสูงเกินจริง หลังจากประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่กำหนดมาตรการกำกับดูแลยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์
กรมการค้าภายในได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์ เช่น จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำฐานข้อมูลราคาเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ให้เป็นระบบ ก่อนที่จะนำมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ของกรม ที่ www.dit.go.th เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบราคาได้
จึงของสนับสนุนให้ทางการได้ควบคุมและตรวจสอบค่ารักษา โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง