"สามมิตร" บ้านเล็กในป่าใหญ่ "ลุงตู่ 2"

 

          5 มิ.ย.2562 คงจะได้มีการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมือง เมื่อที่ประชุมรัฐสภา จะมีการลงมติโหวตนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 

          ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับการโหวตจาก “พรรคร่วมรัฐบาล” และ ส.ว.ให้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนี้คงเป็นเรื่องการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี

          เฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่มี ส.ส.เก่าและใหม่ ต่างก็มาจากหลายกลุ่มหลายพรรค(เดิม) ย่อมมีแรงกระเพื่อมเป็นธรรมดา

 

สาย “สามมิตร” ไม่ใหญ่จริง

          เที่ยงวันที่ 4 มิ.ย.2562 สามเสือแห่งกลุ่มสามมิตร "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ“ , “สมศักดิ์ เทพสุทิน”  และ “อนุชา นาคาศัย” นัด ส.ส.กลุ่มใหญ่ไปรับประทานอาหารที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว นัยว่ามาหารือการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา รวมทั้งการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

          จับน้ำเสียงของ “สุริยะ” ออกอาการน้อยใจนิดๆ เกี่ยวกับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งมีข่าวว่า กระทรวงสำคัญๆ ถูกจัดสรรไปให้พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย

 

กลุ่มสามมิตร มีกำลังพลไม่เกิน 20 คน

 

          "ทางพรรคเองต้องมีกระทรวงที่ตอบสนองกับนโยบายการหาเสียง หากพรรคไม่เก็บกระทรวงสำคัญๆไว้เลย การเลือกตั้งครั้งหน้า ส.ส.ของเราจะไม่มีที่ยืน"

          คอการเมืองฟังแล้ว ก็ตีความได้ว่า สุริยะส่งสัญญาณไปถึง “ผู้มากบารมี” ที่ไม่เก็บ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ไว้ แลกกับการเข้าร่วมรัฐบาลลุงตู่ของพรรค ปชป.

          มีข้อน่าสังเกตในการนัดสังสรรค์วันนี้ ไม่มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” แม่ทัพภาคเหนือ และ “สันติ พร้อมพัฒน์” ขุนศึกเพชรบูรณ์ มาร่วมวงด้วยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

          ดูใบหน้า ส.ส.ที่มายืนเป็นฉากหลัง สะท้อนภาพขุมกำลังกลุ่มสามมิตรว่า มีไม่ถึง 20 คน

 

 

สายกรุงเทพฯ-โคราช

 

          ว่ากันว่า “กลุ่มกรุงเทพฯ-โคราช” น่าจะมีพลังมากที่สุดในพรรค เพราะ “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ได้รับความไว้วางใจจาก “ผู้ใหญ่” มากที่สุด

          ก่อนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยตั้น” เดินสายไปพบกลุ่มนักเลือกตั้งหลายพรรค ไม่ว่าจะเป็น “สุชาติ ตันเจริญ” , “สนธยา คุณปลื้ม” และ “วิรัช รัตนเศรษฐ” 

          ส่วนช่วงเลือกตั้ง เสี่ยตั้นลงไปเยี่ยมสนามโคราชบ่อยมาก เพราะประเมินดูแล้ว ผู้สมัคร ส.ส.มีโอกาสเบียดแทรกพรรคเพื่อไทยเข้าสภาได้

 

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

 

          ด้วยเหตุที่เสี่ยตั้นจับคู่วิรัช จึงทำให้พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.นับสิบคน จากสนามนครราชสีมา, สุรินทร์ และชัยภูมิ 

          เฉพาะตระกูลรัตนเศรษฐ ได้ ส.ส.เขต 4 คน คือ ทัศนียา, อธิรัฐ, ทวิรัฐ รัตนเศรษฐ และ ทัศนาพร เกษเมธีการุณ น้องสาวของทัศนียาและนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยแถลง พ่วงด้วยวิรัช ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ

 

วิรัช รัตนเศรษฐ

 

          จะว่าไปแล้ว ชัยชนะพรรคพลังประชารัฐ ในสนามเลือกตั้งภาคกลาง, ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ได้ ส.ส. 36 คน รวมกรุงเทพฯ อีก 12 คน

          ขุมกำลังเหล่านี้อยู่ในการดูแลของ “เสี่ยตั้น” และมีเพียง ส.ส.ราชบุรี และชัยนาท ที่อยู่ในกลุ่มสามมิตร

 

 

ด่วนสายใต้มาแล้ว

          พรรคพลังประชารัฐสายใต้ ก็น่าสนใจ เพราะได้ ส.ส. 13 คน จากสนามสงขลา, ภูเก็ต, นครศรีธรรมราช ,ตรัง ,นราธิวาส และยะลา 

          แม่ทัพใต้ของพรรคพลังประชารัฐ แบ่งออกเป็น 3 โซนคือ “ผู้การชาติ” พ.อ.(พิเศษ)สุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อนเตรียมทหาร รุ่น 12 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับผิดชอบภาคใต้ตอนล่างฟากอ่าวไทย

          ส่วน “อนุมัติ อาหมัด” นักการเมืองสายมุสลิม รับผิดชอบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น ส.ว.

 

ทวี สุระบาล

 

          อีกรายหนึ่งที่สื่อมองข้ามไปคือ "ทวี สุระบาล" อดีต ส.ส.ตรังหลายสมัย ที่ดูแลพื้นที่หาเสียงใน 4 จังหวัด ฟากอันดามันคือ ตรัง, กระบี่, พังงา และ ภูเก็ต ปรากฏว่า ได้ ส.ส.มา 3 คน จากภูเก็ต และตรัง 

          เที่ยวนี้ เก้าอี้รัฐมนตรีสายใต้ต้องมี อย่างน้อย 2 ตำแหน่งสำหรับ “ผู้การชาติ” และ “เสี่ยทวี”