คอลัมนิสต์

ฤา..จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกันแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย... ทีมข่าวการเมือง เครือเนชั่น

 

 


          “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” หรือไม่นั้นก็ไม่ทราบ...สำหรับการส่งเทียบเชิญพรรคต่างๆ ให้ไปฟอร์มรัฐบาลใหม่ตามที่พลังประชารัฐอาสาเป็นพรรคแกนนำที่วันนี้เกมการเมือง "พลิกไป พลิกมา” แบบจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

 

          เพราะเงื่อนไขการต่อรองโควตาครม.ของพรรคร่วมรัฐบาลและพปชร.ที่ยามนี้ยังไม่ลงตัวและมีการจ้องไปยัง "คมนาคม เกษตรและสหกรณ์ พลังงาน” ที่ใครหลายคนได้ยินมาแว่วๆ ว่า “ต้องว่ากันใหม่หมด” รวมทั้งบางเก้าอี้ของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล เช่น ชาติไทยพัฒนา ที่ออกมาขู่บอยคอต พปชร.ร่วมกับพรรคสีฟ้า และพรรคสีน้ำเงิน ด้วยนั้น....


          แปลความว่า "คนการเมืองจากพรรคต่างๆ” ที่เคยพร้อมพิจารณาเทียบเชิญของ "พลังประชารัฐ” เมื่อหลายนาทีก่อน ยามนี้ปัดข้อเสนอไปแล้วหลังจากได้ยินวาทะเกี่ยวกับแนวทางของว่าที่รัฐบาลใหม่จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งบางมุมมองจาก "ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 ของพปชร.ที่แสดงความเห็นไว้ว่า

 

 

ฤา..จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกันแล้ว

 

 


          “การเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ยังต้องใช้เวลาในการเจรจาเพื่อทำสมการในการร่วมรัฐบาลให้ลงตัว ไม่ใช่เพียงเก้าอี้ รมว.เกษตรและสหกรณ์อย่างที่มีกระแสข่าวว่ายังตกลงกันไม่ได้ แต่มีหลายปัจจัย ทั้งกระทรวงที่กล่าวถึง และอีกหลายกระทรวง ซึ่งปัจจัยหลายกระทรวงนั้นเป็นเพราะทั้งสองพรรคต้องการทำประโยชน์ให้ประชาชน อยู่ที่ว่าใครจะเป็นแกนนำ


          ขอเวลานิดเราไม่ได้กังวลเรื่องเสถียรภาพ แต่ต้องพูดคุยเพื่อให้เหมาะสมกับทั้งสองพรรค ไม่ต้องการนำไปเสนอ ส.ส.แล้ว ไม่มีเสถียรภาพ และไม่เหมาะสมกับทั้งสองพรรค เชื่อมั่นว่าระยะเวลาที่เหลือก่อนเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็น่าจะตกลงกันได้ แต่พรรคพปชร.ยืนยันว่าจะโหวตนายกรัฐมนตรีก่อน ส่วนพรรคอื่นๆ ก็ขึ้นกับมติแต่ละพรรคว่ามีความมั่นใจหรือไม่ในการเป็นรัฐมนตรี เพราะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะมีรัฐมนตรี และพรรคพปชร.มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการตรงนี้ได้สามารถทำสมการให้ลงตัวได้”



          ส่วนโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้อำนาจยุบสภา หากการจัดตั้งรัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้นั้น นายณัฏฐพล กล่าวว่า “ไม่อยากให้ไปถึงตรงนั้นเพราะประชาชนมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.อย่างท่วมท้น แต่หากเป็นความจำเป็นก็เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี”

 

 

 

ฤา..จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกันแล้ว

 


          เรื่องราวเมื่อช่วงหัวค่ำวันอังคารที่ผ่านมาซึ่งเสี่ยตั้นสื่อออกมา ส่งผลให้แกนนำพปชร.และตัวแทนรัฐบาลต้องออกมาแถลงชี้แจงเคลียร์ใจทันควัน...


          “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการจัดตั้งรัฐบาลว่าเป็นเรื่องของพรรคการเมือง จึงขอให้รอความชัดเจน ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและธรรมเนียมปฏิบัติ ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีเคารพกฎหมาย คะแนนเสียงของทุกพรรค และความต้องการของประชาชน ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องทำตามนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการมีส่วนร่วมของทุกพรรคการเมือง


          นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีหวังเพียงให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้สังคมมองเรื่องของผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลักด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะขณะนี้เรากำลังเผชิญกับปัญหาท้าทายหลายอย่าง ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจโลก การแข่งขันในภูมิภาค และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยไม่อยากให้โยงนายกรัฐมนตรีไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองของพรรค ดังนั้นหากเป็นเรื่องการเมืองให้สอบถามกับพรรคการเมืองจะเหมาะสมกว่า


          “วันนี้นายกฯ ยังคงทำงานตามปกติ โดยเฉพาะงานเอกสารที่มีเข้ามาให้พิจารณาทุกวัน และยังฝากแนะนำให้อ่านหนังสือ Animal Farm ฉบับภาษาไทย ซึ่งเป็นหนังสือน่าอ่านที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี”

 

 

ฤา..จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกันแล้ว

 


          บางช่วงบางตอนล่าสุดที่ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยท่าทีของลุงตู่ที่เหน็บคนการเมืองเเบบเเรงๆ เเละสะดุ้งกันทั้งบาง


          ส่วน อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า "การเดินหน้าเจรจากับพรรคแนวร่วมที่มีอุดมการณ์เดียวกันยังไม่ยุติ โดยมีหลักการใหญ่คือการจับมือร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย และการจัดสรรตำแหน่งตามนโยบายของแต่ละพรรคที่สอดคล้องกับเนื้องาน ยังไม่มีการกำหนดเก้าอี้หรือตำแหน่งรัฐมนตรีให้แก่พรรคการเมืองใด พร้อมปฏิเสธแนวคิดการชิงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยไม่รอเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้นายกรัฐมนตรียุบสภาในอนาคต และไม่อยากให้คาดการณ์ล่วงหน้าว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาล เพราะทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา”


          “การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นกลไกภายในพรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่าสุดท้ายแล้วหาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะต้องเข้ามาดูรายชื่อครม.เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ขณะเดียวกันยังไม่ยืนยันว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ยังเป็นปัญหาความไม่ลงตัว จะยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ และพรรคไม่ได้เสียเปรียบ เพราะการต่อรองเป็นเรื่องปกติของการเมือง พร้อมให้ทุกพรรคยึดมั่นประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างกัน ยืนยันการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลยังมีเวลา และไม่ได้ล่าช้ากว่ากำหนด แต่ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาได้ โดยหลังจากนี้จะประสานไปยังพรรคแนวร่วมอื่นๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ อาทิ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานเวลา ทั้งนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเห็นภาพการแถลงข่าวจับมือจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองแนวร่วม”

 

 

 

ฤา..จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกันแล้ว

 


          คนการเมืองมองกันออกหมดแล้วว่า “หมากการเมืองตอนนี้ที่พปชร.เริ่มมาหลายวันเท่ากับยุติชั่วคราวและเริ่มใหม่หมด มันคงไม่ใช่แต้มต่อที่ดีนักสำหรับพปชร.และลุงตู่”


          ใครหลายคนมองว่าพรรคสีฟ้าเล่นตัวที่สุดสำหรับการเจรจาคราวนี้...เพราะใครบางคนในพปชร.โวยกันในบ้าว่า "ประชาธิปัตย์ได้คืบจะเอาศอก” หลังจากที่มีการหักกันกลางวงเมื่อช่วงก่อนลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อหลายวันก่อนแล้ว โดยพปชร.เปิดพื้นที่ให้ "ชวน หลีกภัย” ได้ทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติครั้งที่สองแทน "พ่อมดดำ” ท่ามกลางเสียงค้านของบางขั้วในพปชร.ที่รู้ลีลาของพรรคสีฟ้าดีว่าจะมาไม้ไหน...และสุดท้ายก็มองชัดขึ้นเมื่อบางคนในพปชร.บอกว่าปชป.ออกลีลาดึงเกมต่อรองเก้าอี้เสนาบดีเพิ่มเติมอีกหลายตัวจากพลังประชารัฐ


          แต่คนจากค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมก็ให้ข้อมูลว่า " พปชร.เองนั้น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมากับข้อเสนอที่มาส่งเทียบเชิญเมื่อหลายวันก่อนเองเพราะโควตาที่แจ้งไปก็มีการปรับไป-ปรับมาจนสับสน ไม่มีความชัดแจ้งและคงไม่ต้องคุยหากพปชร.ยังเคลียร์เรื่องในบ้านไม่จบ”


          เมื่อพรรคสีฟ้ายังไม่แสดงจุดยืนทำให้พรรคอื่นๆ ที่เคยแสดงเจตจำนงว่าพร้อมจะพิจารณาข้อเสนอของพปชร. เช่น ภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนานั้น ยามนี้สองพรรคนี้แสดงตนแล้วว่าหันเหไปแนวไหน...


          “พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ผมก็อาจพิจารณาที่จะถอนตัวเนื่องจากเงื่อนไขแรกที่ผมเองตั้งไว้คือไม่ยอมให้ ส.ว.250 คน ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน มากำหนดว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

 

ฤา..จะไปไม่ถึงฝั่งฝันกันแล้ว

 


          หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่มาร่วม พรรคภูมิใจไทยก็ร่วมไม่ได้ เพราะก่อนจะไปโหวตนายกรัฐมนตรีก็ต้องแถลงกันก่อน อันนี้ก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไข ก่อนจะไปโหวตนายกฯ พรรคแกนนำจะต้องนำพรรคที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาแถลงร่วมกันก่อนว่าเราได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว มีเสียงจำนวนสมาชิกเพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว และจะต้องเป็นเสียงข้างมากซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ ถ้าอย่างนั้นผมไป แต่ผมก็หวังว่าท่านณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์จริงนะที่บอกว่า พร้อมจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเพราะถ้าไม่รวมประชาธิปัตย์แล้วก็ยังมีเสียง ส.ว.อยู่ อันนั้นต้องลบผมออกไปด้วย


          หากผมไปร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็จะถือว่าทำผิดคำพูด ตอนนี้ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ ปีกพรรคพลังประชารัฐจะมี 188 เสียง รวมพรรคผมด้วย ไปรวมกับส.ว.250 เสียง แม้จะสามารถเป็นรัฐบาลได้แต่ก็ถือว่าผิด และหากไม่มีพรรคผมพรรคพลังประชารัฐก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ต่ำกว่า 250 ไปไม่ได้ผิดหลักการ เรามีรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพไม่ได้ ประเทศไทยไม่เคยมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยแม้แต่ครั้งเดียว รัฐบาลต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ นายกฯ คนไหนจะกล้าพาคณะรัฐมนตรีที่มีเสียงข้างน้อยเข้าไปถวายสัตย์ และสุดท้ายก็ต้องจบด้วยการยุบสภา มันจะมีปัญหาอื่นๆ มากมายเต็มไปหมด” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว


          และก่อนหน้านี้ก็ไม่ควรละเลย 10 เสียงของพรรคชาติไทยพัฒนาที่แบะท่าเป็นพรรคแรกๆ ที่พร้อมหนุนลุงตู่ แต่เมื่อต้องรอเก้อก็ออกลีลาใหม่...


          “ไม่มีความเดือดร้อนที่จะเป็นรัฐบาล ตามที่ผมเคยพูดตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง พรรคชาติไทยพัฒนาเราเป็นมาทุกสถานะแล้วทั้งแกนนำรัฐบาล แกนนำฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน เราเป็นมาหมดแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่เคยเป็นคือฝ่ายกลาง” วราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าว


          คล้ายว่าสิ่งที่เคยพูดจากันมาเมื่อวันก่อน วันนี้ต้องคุยใหม่ เเละที่เเกนนำพปชร.มีกำหนดการไปหมั้นหมายพรรคลูกบรรหารนั้นในวันนี้ก็ต้องดูว่าผลจะมาหน้าไหน....


          และยังมีข้อมูลลือว่า “การเมืองขั้วที่สาม” นั้นเริ่มมีขึ้นมาใหม่เเละอาจจะมีงูเห่าลวดลายไตรรงค์หลายชีวิตไหลเลื้อยมาจากถนนรัชดาภิเษกด้วย เพราะเงื่อนไขเก้าอี้ที่พปชร.เคาะกันเองไม่ลงตัวในรัง เเละใครบางคนอาจพลาดตำเเหน่ง


          ดังนั้นคงจะเหนื่อยไม่น้อยสำหรับพปชร.ที่ต้องไปเปิดดีลใหม่ ฉะนั้น...เกมที่หลายฝ่ายฟันธงไปแล้วว่า "ลุงตู่” จะกลับมาเป็นสร.1 รอบที่สองมาหลายวันแล้วนั้น ตอนนี้คล้ายว่าต้องเปิด เงื่อนไขกันใหม่หมดทุกเรื่องราว


          งานนี้พปชร.ต้องบริหารจัดการกิจการในบ้านให้ยุติก่อนที่จะเดินไปส่งเทียบเชิญพรรคต่างๆ ในวันข้างหน้าอีกคราว...เพราะหมากที่วางไว้นั้น พลาดให้ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลหมดกระดาน


          ฉะนั้นการกลืนเลือดของฝ่ายพปชร.ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นใหม่ หากไม่ต้องการการล้มกระดานเพราะการล้มกระดานคราวนี้จะไม่เกิดผลดีต่อฝ่ายใดก็ตาม แต่เมื่อมันเข้าสู่ทางตัน....การล้มกระดานก็อาจจะกลับมาสู่การวางหมากใหม่ที่ลำบากไปกว่าเดิม


          แต่มันก็ดีกว่าดันทุรังไปแบบนี้หรือไม่...ลองตรองกันดู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ