คอลัมนิสต์

"เอก ไทยซัมมิท" ผู้แทนนอกสภา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถนนการเมืองของไทคูนหมื่นล้าน "ธนาธร" นับวันจะคล้ายไทคูนโทรคมนาคม "ทักษิณ" ล้านคนชอบ แต่ก็มีล้านคนชัง จังหวะก้าวของทายาท "ไทยซัมมิท" นับจากนี้ไปสำคัญยิ่ง

 

***************     

 

          สาวกชาวฟ้าถึงกับร้อง โอว์มายก๊อด การเมืองไทย!!" เมื่อพบว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส. ที่คนไทยเทใจให้ อาจมีเหตุที่ต้องถึงฆาตทางการเมือง

           

           วันนี้การที่เราต้องมานั่งโล่งใจที่ได้เห็น “พ่อฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ภายใต้เครื่องแบบชุดขาวปกติ ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 1 พรรคอนาคตใหม่ ตบเท้าเข้าร่วมงานรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา วันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะยังมีสถานะเป็นส.ส. เนื่องจากยังไม่ได้กล่าวคำปฏิญาณตน ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า ส.ส.จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการต้องกล่าวคำปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อน

 

          ทั้งหมดที่มาจนถึงจุดนี้ก็เพราะสิ่งที่บางคนเรียก ความกล้า” แต่บางคนเรียก “ความสด” ที่นำพาจนมาติดหล่มต้นส้มของตนเอง ต้องดิ้นรนต่อสู้กับบางสิ่งที่ทำร้ายจิตใจลูกฟ้าเป็นอันมากตอนนี้

 

 

ขอเป็นนายกฯ

          ย้อนไปตั้งต้นช่วง 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ฉากหน้าของข่าวที่พาดหัวว่า นายแน่มาก” เมื่อธนาธรลุกขึ้นมาป่าวร้องขอเป็นแกนนำในการจั้ดตั้งรัฐบาลเสียเอง

 

          หากแต่ฉากหลังกลับมาจากการที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ธนาธรเจอลูกต่อเนื่องจากเรื่องหุ้นสื่อ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง กรณีที่อาจเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

 

          ช่วงบ่ายพ่อของฟ้าจึงเปิดแถลงข่าวระบุทำนองว่าถ้าดูรูปการณ์แล้วสังคมไทยยังคงอยู่ในความคลุมเครือมีแต่ความสิ้นหวัง แถมวี่แววเราจะได้นายกฯ คนเดิมที่เราไม่อยากได้ พรรคอนาคตใหม่ก็จะขอเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเอง และตนก็พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

"เอก ไทยซัมมิท"  ผู้แทนนอกสภา

 

          มองในแง่ความกล้านี่คือการประกาศว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งสัญญาประชาคมที่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ และปักหมุดประชาธิปไตย

 

          มองในแง่ความบ้า ความสด นี่คือการประกาศว่าต่อให้ไล่จนสุดมุม เขาก็จะเอาหลังชนกำแพงและดันตัวเองขึ้นไปจนได้

 

 

ก้าวเดียวก็ไม่ถอย

 

          แน่นอน แม้บรรยากาศหลังจากนั้นหลายพรรคในฝ่ายที่ประกาศกร้าวจะเคียงข้างพระเอกสีส้ม กลับแค่หืออือเบาๆ คือไม่แย้ง แต่ก็ไม่ย้วยตาม เพราะสุ่มเสี่ยงจะยวบไปทั้งพรรค

 

          แต่ลองธนาธรลั่นวาจาแล้วถ้าจะเดินคนเดียวก็ต้องไปต่อให้สุด หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น 17 พฤษภาคม 2562 ธนาธรพุ่งไปที่สโมสรนักข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หลังรับเชิญไปร่วมเสวนาเกี่ยวกับที่มาและอนาคตของพรรคอนาคตใหม่

 

          วันนั้นเขาสวมบทนักการเมืองไทยจอมแฉ ฟุตฟิตว่ามีคนโตจากพรรคใหญ่ได้โทรมาล็อบบี้มารดาของตน ให้แบ่ง ส.ส. 20 ที่นั่งเพื่อแลกกับการยกเลิกการดำเนินคดีทั้งหมด หรือแม้แต่ตนเองก็ยังได้รับโทรศัพท์แบบนี้เช่นกัน

 

          ปรากฏว่างานนี้ไม่จบเพราะกลายเป็นว่าธนาธรได้เปิดแผลใหม่เพิ่มเข้ามาอีกจนได้อีกถึง 2 เรื่อง 

 

          เรื่องแรกคือพรรคพลังประชารัฐเตรียมฟ้องดำเนินคดีธนาธร ฐานที่ทำให้พรรคเสียชื่อเสียง อ้างว่าพรรคไม่เคยมีการกระทำเช่นนั้น

 

          ตามมาด้วยเรื่องที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ลุกขึ้นมายื่นเรื่องสอบกรณีที่ธนาธรได้ให้พรรคอนาคตใหม่ยืมเงินในช่วงก่อนการเลือกตั้งเพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองจำนวน 110 ล้านบาท ว่าเข้าขายผิดกฎหมายหรือไม่

 

          ทั้งหมดนี้จึงเหมือนประเดประดังเข้าใส่พรรคส้มหวานและธนาธร ในช่วงที่การเมืองยิ่งงวดเข้ามาทุกขณะพอดี

 

 

"เอก ไทยซัมมิท"  ผู้แทนนอกสภา

 

 

สุดกว่านี้ได้อีก

 

          ถามว่าสุดทางแล้วหรือยัง เมื่อที่สุดแล้วช่วงวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ กกต.ได้ยื่นคำร้องไว้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเอกฉันท์ 9:0 รับพิจารณาคุณสมบัติของธนาธร เรื่องการถือหุ้นสื่อในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด

 

          แถมยังมีมติอีก 8:1 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ทันที จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่าถ้ายังทำหน้าที่ส.ส.อยู่ อาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของที่ประชุม ส.ส.ได้

 

          แต่จากคำถามนี้ดูลีลาธนาธรแล้วน่าจะยังไม่สุด เพราะวันเดียวกันธนาธรก็เปิดแถลงข่าวอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม แต่บางคนแอบเห็นควันออกหู!

 

          นั่นคือการประกาศแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับมติของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการพิจารณาคำร้องของ กกต.ดูรีบร้อนหรือมีมูลเหตุทางการเมืองหรือไม่ ถามว่าเป็นธรรมกับตนหรือไม่

 

          จากนั้นก็ยังคงประกาศเจตนารมณ์เดิมที่จะเดินหน้ารวมเสียงพรรคการเมืองที่ต่อต้านเผด็จการเพื่อผลักดันให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี

 

 

"เอก ไทยซัมมิท"  ผู้แทนนอกสภา

 

          และย้ำไปยังชาวส้มหวานว่าตัวเขายังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยังพร้อมเป็นนายกฯ ยังมีศักดิ์และสิทธิ์เป็นนายกฯ ทุกประการ เพื่อหยุดยั้ง คสช. และอำนาจเผด็จการต่อไป

 

          พร้อมเรียกน้ำย่อยกองเชียร์ได้อีกว่า “ในเมื่อพวกเขาไม่ให้ผมเข้าสภา ผมก็จะอยู่กับประชาชน”

 

          แน่นอนจากวันนั้นจนถึงวันรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อาจพอจะทำให้กองเชียร์ธนาธรพอใจชื้นอยู่บ้าง ที่อย่างน้อยๆ พ่อของฟ้าก็ยังได้สวมชุดขาวเข้าพิธีการอันสำคัญพร้อมเพื่อน ส.ส.คนอื่นๆ

 

          แต่เชื่อว่าหลังจากนี้การขึ้นชกระหว่างฝ่ายส้มกับฝ่ายเขียวน่าจะสวนหมัดกันนัวขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะส่งผลให้เส้นทางการเป็นนายกฯ ของธนาธร ริบหรี่ลง นอกจากจะเกิดปาฏิหาริย์ทางการเมืองเท่านั้น!

 

***************************

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ