คอลัมนิสต์

ปากพาจนกับเทวดาตกสวรรค์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2562

 

 

          คำสั่งสอน คติพจน์ หรือสุภาษิตสอนใจที่มีมาแต่โบราณกาลยังคงนำมาใช้เป็นข้อคิดสอนใจเพื่อให้คนเราประคับประคองชีวิตให้ดำเนินไปในทางที่ถูกที่ควร แต่ถ้าเมื่อใดเรานำพาชีวิตด้วยอาการไร้สติ ปราศจากความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พูดและการกระทำ...ความเสียหายก็อาจมาเคาะประตูรออยู่หน้าบ้านแบบไม่ทันตั้งตัว ดังเช่นนักการเมืองหลายคนที่ต้องตกระกำลำบากด้วยคำพูดที่ออกมาจาก “ปาก” ของตัวเอง...พูดง่ายๆ คือ “ปากพาจน” ดังนั้นหากคนใดไม่ต้องการนำชีวิตไปสู่ความตกอับหรือเสียหาย ก็ควรท่องจำให้มั่นว่า “ก่อนพูดเราเป็นนาย...พูดไปแล้วคำพูดเป็นนายเรา”

 


          หากยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ความพลาดพลั้งที่เกิดจาก “ปาก” คงหนีไม่พ้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังตกอยู่อาการ “ปลาหมอตายเพราะปาก” หลังจากนำพาตัวเองเข้าสู่ตาจน เพราะอยู่ดีไม่ว่าดีดันไปพูดบนเวทีสัมมนาสื่อนอกด้วยอาการมันปากในประเด็นให้พรรคตนเองกู้ยืมเงินจำนวน 110 ล้านบาท จนกลายเป็นประเด็นใหญ่นำไปสู่การยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ตรวจสอบว่าการกู้ยืมเงินดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง หรือไม่ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้มีบทบัญญัติในส่วนใดที่ให้อำนาจพรรคการเมืองกู้ยืมเงินจากบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นใดได้...


          น่าห่วงยิ่งนัก แม้ฝ่ายกฎหมายของนายธนาธรจะอ้างว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ว่า การให้กู้ยืมเงินพรรคการเมืองเป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นนายธนาธรสามารถกระทำได้ แต่อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายต่างชี้ชัดตรงกันว่างานนี้ “ไม่น่ารอด” เพราะเจตนาของการมีพรรคการเมืองเป็นการรวบรวมคนที่มีจุดยืนและนโยบายเดียวกัน เพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกัน ดังนั้นแหล่งเงินหลักจึงควรจะมาจากผู้ที่เข้ามาร่วมกัน เพราะฉะนั้น การที่อนาคตใหม่กู้เงินจากนายธนาธร จึงเป็นการกระทำที่ผิดหลักการ และผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ตรงไปตรงมา ซึ่งเรื่องนี้อาจส่งผลเสียหายอย่างหนักจนถึงขั้นยุบพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นไปได้


          อาการพลาดพลั้งอย่างไม่น่าให้อภัยจนต้องแทบตบปากตัวเองให้หลาบจำครั้งนี้ น่าจะเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนให้นายธนาธรรู้จักสงวนท่าทีต่างๆ ไว้บ้าง...สิ่งใดที่พูดแล้วเป็นคุณก็ไม่ควรลังเลที่จะนำเสนอต่อสาธารณชนในทันที แต่สิ่งใดถ้าส่งสัญญาณออกไปแล้วจะส่งผลร้ายก็ควรเลือกที่จะเก็บงำไว้ให้มิด...แต่ดูเหมือนจะสายเกินแก้ เพราะล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องของ กกต. ไว้พิจารณาเพื่อวินิจฉัยปมร้อนในการถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อของนายธนาธร


          ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติ 8 ต่อ 1 เสียง ให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่ กกต.ร้องขอ ตามมาตรา 82 วรรคสอง ด้วย ซึ่งตรงนี้เท่ากับว่าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะหมดสิทธิเข้าสภาในฐานะ ส.ส.โดยอัตโนมัติ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว และที่สาหัสสากรรจ์ยิ่งกว่าคือ นายธนาธรจะหมดสิทธิสวมชุดขาวอันทรงเกียรติเพื่อเข้าร่วม “รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา” ในวันที่ 25 พฤษภาคม ...ทั้งที่เหลือแค่เพียงวันเดียว...ถือเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัด และน่าเห็นใจยิ่งนัก เมื่อพ่อของฟ้าดันมาตกสวรรค์ทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มอะไร...!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ