คอลัมนิสต์

'บัตรรูดปรื๊ด'ป้องกันแบบไหน..ให้ปลอดภัยจากโจร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...   สายตรวจระวังภัย   โดย...  ทีมข่าวอาชญากรรม

 

 


          จะว่าไปแล้วยุคนี้ผู้คนจำนวนมากจับจ่ายใช้สอยด้วยบัตรเคดิต หรือเดบิต ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “บัตรรูดปรื๊ด” เพราะมีความสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากๆ ไปซื้อสินค้า รูดปุ๊บ รับของปั๊บ แต่ก็ไม่วายมีมิจฉาชีพตามหลอกหลอนขโมยบัตรไปใช้ หรือเนียนหน่อยก็ขโมยข้อมูลไปทำบัตรปลอมกดทั้งเงินสด และรูดซื้อของแบรนด์เนมไปเปลี่ยนเป็นเงินภายหลัง สร้างความเดือดร้อน ก่อความเสียหายอยู่เป็นระยะ

 

 

          เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีผลงานการจับกุมคนร้ายซึ่งเป็นการประสานงานระหว่างตำรวจสองหน่วยงานระหว่าง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กับ กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดยสามารถจับกุม นายอำพล อนันมา อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาคดี "ปลอมและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม" ที่หลบหนีการจับกุมมานานถึง 10 ปี

 

 

 

'บัตรรูดปรื๊ด'ป้องกันแบบไหน..ให้ปลอดภัยจากโจร

 


          เกี่ยวกับคดีลักษณะนี้ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. บอกว่า ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์และอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เนื่องจากประชาชนอาจขาดความมั่นใจในการใช้บัตรเครดิต


          ด้วยเหตุนี้ทางเพจเฟซบุ๊ก “กองปราบปราม” จึงได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันบัตรเครดิต-เดบิต ที่ถูกขโมยไปใช้ ให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ โดยมีอยู่ 10 วิธี คือ 1.อย่าปล่อยให้บัตรคลาดสายตา เพื่อป้องกันการถูกขโมยข้อมูลบนบัตร หรือถูกนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าอื่นๆ จึงควรสังเกตบัตรของตนเองอยู่เสมอเวลายื่นให้พนักงานตอนจ่ายเงิน 2.ตั้งรหัสให้เดายาก แนะนำว่าไม่ควรตั้งรหัสเป็นเลขซ้ำกัน เช่น 1111 หรือเลขเรียงกัน เช่น 1234, 6789 หรือเป็นเลขที่เกี่ยวข้องกับตัวเองจนคนร้ายเดาได้ง่าย เช่น เลขวันเกิด หรือบัตรประชาชน เป็นต้น 3.ใช้บัตรกับร้านค้าที่น่าเชื่อถือเท่านั้น การซื้อของผ่านบัตรสิ่งสำคัญเลยคือต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือมากกว่าปกติ เพราะมีโอกาสถูกโกงได้ง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นการซื้อของออนไลน์ยิ่งควรเลือกร้านที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้เท่านั้น หรือเป็นร้านที่มีหน้าร้านชัดเจนก็จะปลอดภัยมากกว่า 4.เปิดใช้งานแจ้งเตือนผ่าน SMS เพื่อให้เรารู้ถึงความเคลื่อนไหวเมื่อมีการใช้บัตรและจะทำให้เรารู้ด้วยหากมีคนแอบนำบัตรของเราไปใช้




          5.ตรวจสอบยอดใช้จ่ายอยู่เสมอ ต้องคอยเช็กการใช้จ่ายอยู่เสมอว่าตรงกับราคาสินค้าที่เราจ่ายไปจริงๆ ไหม ทั้งก่อนเซ็นเซลล์สลิป และหลังจากใช้จ่ายไปแล้วในใบแจ้งบัญชีประจำเดือน 6.ปิดรหัสเลข 3 หลัก CVV ไว้ ซึ่งรหัส CVV คือเลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร ซึ่งเป็นรหัสเพื่อการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์ และหากมิจฉาชีพได้รหัสนี้ไป ก็มีโอกาสที่จะนำไปซื้อสินค้าได้ง่ายๆ โดยเราสามารถป้องกันได้ด้วยการจดจำตัวเลขหรือจดบันทึกรหัสไว้ในที่ปลอดภัย แล้วขูดรหัส CVV ด้านหลังบัตรทิ้ง หรืออาจจะใช้วิธีติดสติกเกอร์ปิดรหัส CVV ไว้ ก็ได้เช่นกัน 7.ใช้กระเป๋าป้องกัน RFID ลองสังเกตบัตรเดบิต-บัตรเครดิตของตัวเองดูดีๆ ว่าเป็นบัตรประเภท Visa Paywave ที่ใช้แตะจ่ายผ่านเครื่องได้หรือเปล่า เพราะหากเป็นแบบนั้นแล้ว ก็มีโอกาสที่เหล่ามิจฉาชีพจะนำเครื่องที่ชื่อว่า RFID Scanners แอบมาแตะบัตรของเราเพื่อขโมยข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ดีเราสามารถป้องกันได้ด้วยการหาซื้อกระเป๋าป้องกัน RFID มาใช้งาน ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับกระเป๋าสตางค์ทั่วๆ ไปเลย

 

 

'บัตรรูดปรื๊ด'ป้องกันแบบไหน..ให้ปลอดภัยจากโจร

 

 


          8.อย่าบอกข้อมูลบัตรกับคนอื่น เพราะเป็นเหมือนการเปิดช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาขโมยบัตรของเราไปใช้ได้ง่ายๆ เลย ซึ่งรวมถึงการกรอกข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์ด้วย 9.หากพบความผิดปกติติดต่อธนาคารทันที


          ถ้าบัตรของเราสูญหาย หรือมียอดใช้จ่ายที่ผิดปกติ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือการแจ้งธนาคารผู้ออกบัตรทันทีเพื่อทำการอายัดบัตร หลังจากนั้นควรรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจด้วย เพื่อจะได้ติดตามและป้องกันความเสียหายได้ทันท่วงที และ 10.สมัคร Verified by Visa, MasterCard Secure Code หรือ JCB J/Secure โดยเป็นบริการที่ผู้ออกบัตรร่วมกับ Visa, MasterCard และ JCB พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต โดยจะให้เราใช้งานบัตรด้วยรหัสผ่าน (Password) และข้อความยืนยันส่วนตัว (Personal Assurance Message: PAM) เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า แม้จะมีคนขโมยบัตร หรือจำเลขบัตรของเราไป ก็จะไม่สามารถนำไปใช้จ่ายออนไลน์ได้นั่นเอง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ