คอลัมนิสต์

เอาแล้ว...เกมยุ่งขิงบังเกิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  เร้นกาย ไร้เงา

 

 

 

          นับแต่วันที่ “ลุงตู่” เปรยความพร้อมการตั้งครม.ชุดใหม่ที่พลังประชารัฐจะเป็นว่าที่แกนนำตั้งรัฐบาลชุดใหม่


          กระทรวงเกรดเอที่คนการเมืองหวังไว้นั้น หากไปมองสิ่งที่ลุงตู่กล่าวไว้ในวันวานก็พานพบว่า ข้อเสนอที่คีย์แมนพชปร.ไปแตะมือว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลให้มาร่วมวงไพบูลย์ก็ลือกันว่า “วงเเตก” โดยพลัน

 

 

          แว่วว่า ว่าที่พรรคที่จะมาแตะมือขั้วลุงตู่ เช่น ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยนั้น ระงับการต่อสายไว้ทันทีเพราะไม่แฮปปี้กับหลายประโยคที่ลุงตู่เผยมาเกี่ยวกับโควตาเสนาบดี เมื่อบวกกับโผครม.ชุดหน้าตามหน้าสื่อที่ว่อนออกมาหลายวันก่อนนั้น ยิ่งทำให้ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลมิพอใจเพราะ “เก้าอี้หลักๆ” ร่วงในมือของคีย์แมนหลากมุ้งในพปชร.และบรรดาคนแวดล้อมลุงตู่แทบทั้งนั้น


          เรียกว่า “ชิ้นปลามัน” ไม่ถูกแบ่งปันไปยังพรรคที่จะมา “สานฝัน” ให้ลุงตู่และพปชร.เลย แม้บางกระทรวงจะมีการเปิดทางให้ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลไปบ้าง แต่มองแล้ว..ยังไม่ใช่คำตอบที่โดนใจพรรคที่จะมาเติมเต็มความฝันของลุงตู่และพปชร.


          และเมื่อตีความดีๆ กับสิ่งที่ลุงตู่เผยเกี่ยวกับ “สเปกและแนวทางทำงานของรัฐนาวาชุดหน้า” นั้น แว่วว่าคนวงในของพรรคสีฟ้าและพรรคสีน้ำเงินไม่พอใจเท่าใดนัก เพราะคล้ายว่าสองพรรคนี้คือ “ตัวประกอบ” ที่มาทำให้ลุงตู่กับพชปร.เดินถึงฝั่งฝันของตัวเอง 


          และคีย์แมนของสองพรรคนี้มองว่ายามนี้ “พปชร.” ใช่ว่าจะมีส.ส.เพียงพอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้เสียเมื่อไหร่...และยามนี้ “ชาติไทยพัฒนา” ก็ผสมโรงไปกับภท.และปชป.ด้วย แม้ ชพน.จะมีสิบเสียงก็ตามที


          แต่ยามนี้ “หนึ่งส.ส.” ก็มีความหมายยิ่งนักสำหรับขั้วหนุนลุงตู่...


          ฉะนั้นการดึงจังหวะของพรรคสีฟ้า-พรรคสีน้ำเงิน และพรรคของลูกบรรหาร จึงเข้ามุมของตัวเองเพื่อส่งสัญญาณว่ายังไม่แฮปปี้กับเงื่อนไขที่พชปร.และลุงตู่เสนอไว้และอาจแยกวงออกมา

 



          ความยุ่งขิงกลับไปอยู่ในมือพปชร.ทันทีในตอนนี้


          แม้คนวงในพปชร.ก็น่าจะมองออกว่าสองพรรคนั้นล้วนมีอะไรบางอย่างที่มีช่องโหว่และน่าจะรับดีลของพปชร.ไว้ค่อนข้างชัวร์ก็ตาม.....


          เริ่มที่ “พรรคสีฟ้า” ก่อน หลังจากที่อู๊ดด้าได้เป็นหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่และรับหน้าที่ประสานรอยปริแยกของแกนนำในพรรคก็ส่อแววปริร้าวแยกลึกออกมาเรื่อยๆ เพราะบางมุ้งในพรรคอยากร่วมรัฐบาล บางกลุ่มไม่ไปแตะมือกับพปชร.และเพื่อไทย และเริ่มมีวิวาทะของคนในพรรคจวกกันเองโผล่มาแบบไม่มีสาเหตุ จนปรากฏการณ์ "10 มกรารอบสอง” ใกล้บังเกิด โดยมองสองมุมว่า มุมแรกคือ อย่างน้อย 20 ส.ส.พรรคสีฟ้าจะมาขั้วหนุนลุงตู่ และมุมที่สองคือ ทางที่ดี 52 ส.ส.ของปชป.ควรมาทั้งหมด


          ส่วน “พรรคสีน้ำเงิน” นั้น ไม่ว่าอย่างไรเสีย "คนโตแดนอีสานใต้” คือคนกุมบังเหียนพรรคตัวจริง แม้เสี่ยหนูจะได้ฉันทานุมัติจาก 51 ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ในการตัดสินใจทางการเมืองครั้งนี้ก็ตาม แต่ใครต่อใครในวงการการเมืองรู้ดีว่าหากภท.จะเคาะโต๊ะนั้น คนที่มีสิทธิขาดคือคนโตแดนอีสานใต้เท่านั้น และตรงนี้ที่ทำให้เสี่ยหนูอึดอัดไม่น้อย และมองว่าสิ่งที่เสี่ยหนูเปิดมานั้น เอาเข้าจริงคนเคาะโต๊ะว่าพรรคสีน้ำเงินจะวางบทไว้ที่ใดนั้นอยู่ที่บุรีรัมย์


          แม้ว่าพปชร.จะนัดหารือกับว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ แต่เมื่อปชป.ยังดึงจังหวะไม่โยนไพ่ ภท.ก็เดินเกมแนวเดียวกันและยังบอกสังคมว่าพร้อมเป็นเจ้าภาพขั้วตัวแปรที่จะหารือกับพรรคต่างๆ เพื่อให้ภาคการเมืองมีคำตอบในไม่กี่วันนี้เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองที่ชัดเจนต่อสังคม


          ผนวกกับเงื่อนไขที่เพื่อไทยเปิดออกมายั่วใจปชป.-ภท.แบบไม่มีเม้มนั้น หากอยู่ในภาวะปกติ..ไม่มีทางเป็นไปได้ที่พรรคอันดับหนึ่งจากการหย่อนบัตรจะไร้เงื่อนไขแบบนี้ แถมยังเปิดประตูเชิญคู่ปรับในรอบสิบกว่าปีและอดีตคนกบฏที่แปรพักตร์ไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนให้มาสังฆกรรมเช่นนี้


          งานนี้ความร้อนรนจึงกระเด้งกลับไปยังพปชร.แบบช่วยไม่ได้ เพราะพรรคอันดับหนึ่งก็ใช่ว่าจะอยู่นิ่งๆ แล้วรอพรรคอันดับสองเดินเกมเพียงเจ้าเดียวเสียเมื่อไหร่


          ตอนนี้แว่วว่าพท.พร้อมจะส่งตัวจริงเสียงจริงควงกับคีย์แมนพรรคสีส้มเพื่อไปดีลกับเสี่ยหนูและตัวแทนปชป.แล้วเพื่อให้เหลียวมองเงื่อนไขของขั้วต้านลุงตู่แบบจริงจัง


          แน่นอนว่า...คนที่นั่งไม่ติดเก้าอี้ในยามนี้คือพปชร.เพราะจำนวนส.ส.ที่มีในมือนั้น แม้นำไปบวกกับ 250 ส.ว.ก็เพียงพอในขั้นต้นว่าลุงตู่มีสิทธิกลับมาเป็นหัวหน้ารัฐบาลวาระที่สองได้ แต่มันเหนื่อยต่อไปเพราะจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ทำอะไรแทบจะไม่ได้


          เมื่อพรรคสีฟ้าและพรรคสีน้ำเงิน ที่มีตัวเลขรวมกัน 103 ที่นั่ง ยังไม่ตอบว่าจะเอาอย่างไร..ไม่ว่าจะไปขั้วหนุนลุงตู่หรือขั้วต้านลุงตู่


          สมมุติว่า พรรคสีฟ้าและพรรคสีน้ำเงิน ไปรับดีลของขั้วต้านลุงตู่จริง มันจะเป็นการพลิกล็อกการเมืองครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว


          งานนี้รอดูกันแบบวันต่อวัน....ว่าจะเป็นเช่นใดเพราะการเมืองนั้นสามารถเเปรผันได้เสมอ


          แม้แต่เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เเต่ก็สามารถเป็นไปได้ และมันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งบนบันทึกการเมืองไทย!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ