คอลัมนิสต์

พิมพ์นิยมออนไลน์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2562

 

 

          เหตุการณ์วัยรุ่นและหนุ่มฉกรรจ์ ยกพวกบุกสถานพยาบาลทำร้ายคู่อริที่ไปพักรักษาตัวด้วยอาการบาดเจ็บจากเหตุวิวาทรุนแรง ยังคงเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเกิดเหตุขึ้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา จ.ยโสธร นับเป็นเรื่องที่สังคมควรร่วมกันขบคิด และหาทางเยียวยาต่อไป เพราะกรณีอย่างนี้ไม่ใช่เหตุทะเลาะวิวาทหรือยกพวกตีรันฟันแทงที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในหมู่เยาวชนซึ่งยังขาดไร้วุฒิภาวะแต่ก็ยังแก้ไม่ตก หากแต่แตกต่างออกไปตรงที่การเรียนรู้กติกาสังคมหรือแม้แต่การรับรู้ในเรื่องผิดชอบชั่วดีอันน่าพิศวงงงงวย ว่าเป็นเพราะเหตุใด พวกเขาจึงลงมือก่อเหตุเลวร้ายเช่นนั้นได้ ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ทั่วโลกถือว่าปลอดภัยที่สุดแม้ในยามศึกสงคราม เหตุเพราะพวกเขาขาดการศึกษา อบรมเลี้ยงดูที่ดี สภาพทางครอบครัว นิสัยติดตัว หรือเป็นเพราะว่า สภาวะแวดล้อมอื่นใดกันแน่

 


          ในช่วงเปิดภาคเรียนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีหัวข้อปะทะสังสรรค์กันมากพอสมควรเกี่ยวกับระเบียบของโรงเรียน มหาวิทยาลัย ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือเรียกอีกอย่างว่าโรงเรียนรัฐ มหาวิทยาลัยรัฐ ว่าด้วยทรงผมนักเรียน และการแต่งกายของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชนวัยเรียนกลุ่มหนึ่งเห็นว่า สถานศึกษาของรัฐควรเปิดกว้างให้นักศึกษาแต่งกายสุภาพ ไม่จำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบไปสถานศึกษาในวันสำคัญ เช่นวันลงทะเบียน วันสอบ ฯลฯ หลายเสียงจากผู้หลักผู้ใหญ่เห็นว่าสังคมเปลี่ยนไปแล้ว หน่วยราชการควรปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง แต่อีกบางเสียงก็บอกว่า ทรงผมและการแต่งเครื่องแบบทำให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ในเรื่องระเบียบวินัย ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม อันจะนำไปสู่การเคารพกฎหมายและกติกาอื่นๆ เมื่อเขาเติบโตขึ้น


          ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับระเบียบกฎเกณฑ์ของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย มองไปไกลว่า จริงๆ แล้วทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสั่งสอนให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนควรจะเอาใจใส่ในเรื่องที่เป็นพิษภัยต่ออนาคตของชาติจริงๆ ดีกว่าจะมัวมาเสียเวลากับเรื่องยิบย่อยอย่างทรงผมและการแต่งกาย เพราะทุกวันนี้สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคอินเทอร์เน็ต ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและไม่มีขีดจำกัดในเรื่องของเนื้อหา โดยเฉพาะเกมออนไลน์ที่นำเสนอสารพัดรูปแบบสนุกเร้าใจอันล้วนแต่บ่มเพาะความรุนแรงก้าวร้าวทั้งสิ้น แต่ขาดการดูแลสอดส่องอย่างจริงจังจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ แม้แต่สถานศึกษา หรือพ่อแม่ผู้ปกครองเองก็ไม่อาจเข้าถึง เขตแดนของความอันตรายที่อาจชักนำให้เด็กและเยาวชนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเดินหลงทางได้


          กรณีเยาวชนและวัยรุ่นยกพวกบุกทำร้ายคู่อริในโรงพยาบาลนั้น เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเหล่านี้ นอกจากจะไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ซึ่งพวกเขาอาจจะไม่รู้จักมันเลยก็ได้แล้ว พวกเขายังถูกอารมณ์พาไปขาดไร้ซึ่งมโนสำนึกผิดชอบชั่วดีแบบพื้นๆ หากแต่ยกเอาว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความกล้าหาญชาญชัย เป็นความท้าทายที่ลูกผู้ชายควรได้ลิ้มลองและได้รับการยกย่องเป็นวีรกรรมในลำดับถัดไป เหมือนเช่นที่ซอฟต์แวร์เกมออนไลน์ออกแบบให้ผู้เล่นได้ใช้ความระห่ำได้อย่างสุดโต่งไร้ขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นการปล้น ฆ่าไม่เลือกหน้า และค้ายาเสพติด ลำพังแค่้บุกโรงพยาบาลไปทำร้ายคู่อรินั้นถือเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเกมด้วยซ้ำไป สังคมของเราถลำลึกถึงขนาดนี้แล้ว กระทรวงศึกษาธิการหน่วยงานที่รับผิดชอบยังมัวมะงุมมะงาหราอยู่กับแนวทางเดิมๆ อยู่อีกหรือ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ