คอลัมนิสต์

'หนู เซราะกราว' ใต้เงา 'ชิดชอบ' หนีไม่พ้น '3 ป.'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ข่าวจากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 18-19 พ.ค.2562

 

*******************

          พรรคภูมิใจไทยวางบทบาทเป็น “พรรคขั้วกลาง” ช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. เพราะต้องการเสียงสนับสนุนจากคนทุกกลุ่ม หลังเลือกตั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” จึงแบกรับความกดดันมากกว่าครั้งที่บิดา ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค

 

 

          ไม่บ่อยครั้งที่ “อนุทิน” จะได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี จากพรรคการเมืองใหญ่ แต่ภาพ “เสี่ยหนู” เข็นรถให้ “ชัย ชิดชอบ” ในวันรายงานตัว ส.ส.ที่อาคารรัฐสภาใหม่ อาจเป็นคำตอบว่า เหตุใดทายาทยักษ์ใหญ่รับเหมาก่อสร้าง ไม่กระโดดรับข้อเสนอสุดแสนพิเศษนั้น

          นับแต่วันแรกที่ “อนุทิน” ตัดสินใจเล่นการเมือง ก็ได้ย้ายชื่อในทะเบียนราษฎร์จากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่บ้านศิลาชัย หมู่ 15 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

 

'หนู เซราะกราว' ใต้เงา 'ชิดชอบ' หนีไม่พ้น '3 ป.'

อนุทิน ชาญวีรกูล เข็นรถให้ "ชัย ชิดชอบ"

 

          “ผมมีความรักต่อพี่ชายสุดหัวใจคือ พี่เนวิน ชิดชอบ แม้หลายคนสงสัยคบกันมาได้อย่างไร 10 กว่าปี เพราะเปรียบเหมือนพี่ชาย เป็นครูคอยชี้แนะ และบอกผมทุกวันว่าหากทำงานการเมือง ให้รักประชาชนมากกว่ารักตัวเอง ดังนั้น จ.บุรีรัมย์ จึงเป็นเหมือนบ้านผม บ้านเกิดพ่อ บ้านเกิดพี่ชาย” นี่เป็นคำประกาศของอนุทินในวันปราศรัยใหญ่กลางเมืองบุรีรัมย์

          แม้ “เนวิน ชิดชอบ” จะบอกเป็นครั้งที่ร้อยว่าไม่ยุ่งเรื่องการเมือง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เมื่อน้องชายสุดรัก “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ยังรั้งเก้าอี้เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

          ฉะนั้น การปฐมนิเทศ ส.ส. และการประชุมกรรมการบริหารพรรค จึงจัดที่ จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคมนี้ และน่าจะมีความชัดเจนเรื่องแนวทางการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย

 

 

ไม่มีขั้วไม่มีค่าย

 

          ผลการเลือกตั้ง 2562 พรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.ทั้งสองระบบ 51 คน และปฏิเสธไม่ได้ว่า คะแนนนิยมที่ดีขึ้นกว่าการเลือกตั้ง 2554 ที่ได้แค่ 34 ที่นั่ง ก็มาจากกลยุทธ์การตลาดการเมือง ที่วางแบรนดิ้งของพรรคให้เป็น “พรรคขั้วกลาง” 

          สังเกตได้จากการที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค ออกเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อ และไปร่วมเวทีดีเบตช่วงหาเสียง จะพยายามสลัดภาพเดิมคือ “พรรคขั้ว 3 ป.” ออกไป รวมถึงการใช้คอนเนกชั่นส่วนตัวของเสี่ยหนู ดึง “เอกชัย ไชยนุวัติ” นักวิชาการด้านกฎหมาย และ “จุลภาส(ทอม) เครือโสภณ” ดีลเมกเกอร์ธุรกิจการเมืองมาช่วยงานหาเสียง 

          ทั้ง เอกชัย ไชยนุวัติ นั้น มีจุดยืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยชัดเจน ได้เข้ามาช่วยทำรายการ “Ringside การเมือง” ที่เผยแพร่ทางยูทูบ และเฟซบุ๊ก ซึ่งรายการ “Ringside การเมือง” เป็นช่องทางการสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์ของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่วน “จุลภาส หรือทอม” ช่วยเปิดประเด็นกัญชาเสรี จนกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ 

 

'หนู เซราะกราว' ใต้เงา 'ชิดชอบ' หนีไม่พ้น '3 ป.'

ศักดิ์สยาม-เนวิน ชิดชอบ, อนุทิน ชาญวีรกูล

 

          ทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ลบภาพแบรนด์เดิมคือ ยืนเคียงข้างกลุ่ม “บูรพาพยัคฆ์” โดยสร้างแบรนด์ใหม่ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายไหน พร้อมจะเป็นมิตรกับทุกพรรค ขณะที่ในทางลึก “ผู้มีบารมีของพรรค” ยังแนบแน่นอยู่กับ “พี่ใหญ่” ค่ายบูรพาพยัคฆ์

          ย้อนไปดูการเดินทางไปเยือนถิ่นปราสาทสายฟ้า ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ วันที่ 7-8 พฤษภาคม 2561

          เนวิน ชิดชอบ และพลพรรค “เพื่อนเนวิน” ได้จัดการต้อนรับนายกฯ ประยุทธ์ อย่างยิ่งใหญ่ และผู้คนย่อมมองไปไกลถึง “ดีลการเมือง” ร้อนถึง “เสี่ยหนู” ต้องรีบมาแก้ข่าว “ดีลการเมืองไม่มีจริงในช่วงก่อนเลือกตั้ง”

 

 

รอสัญญาณ “3 ป.”

 

          ความสับสนและไม่ลงตัวเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำนั้น อาจมาจากโครงสร้างพรรคที่ประหลาดๆ คือ มีทั้งขั้วนักเลือกตั้ง, ขั้วดรีมทีมเศรษฐกิจ(กลุ่ม 4 ยอดกุมาร) และขั้วพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ จึงมีข่าวปล่อย “โผสูตรรัฐบาลผสม” รวมถึงการวางตัวประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

          อย่างเช่นกรณีพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย มี ส.ส. 51-52 ที่นั่ง จะได้โควตารัฐมนตรี พรรคละ 7 ที่นั่ง และพรรคชาติไทยพัฒนา มี ส.ส. 10 ที่นั่ง จะได้โควตารัฐมนตรี 2 ที่นั่ง

          ด้าน “ป.พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ไม่ยอมหลุดปากพูดเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล แม้จะถูกนักข่าวสายทำเนียบและสายทหารรุกฆาต ถามเช้า ถามบ่าย 

          กระทั่งเที่ยงวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2562 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมเปิดใจในหลายๆ เรื่อง สรุปได้ว่า มีความคืบหน้าเรื่องรัฐบาลผสม 20 พรรค โดย 4 กระทรวงหลักคือ กลาโหม, มหาดไทย, คลัง และพาณิชย์ จะอยู่ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ

 

'หนู เซราะกราว' ใต้เงา 'ชิดชอบ' หนีไม่พ้น '3 ป.'

 

          จังหวะก้าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ขยับมาเปิดใจกับนักข่าวครั้งนี้ ย่อมแสดงถึงความมั่นใจว่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ตอบรับการเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว 

          หากจับสังเกตการให้สัมภาษณ์ของอนุทิน ก็พอคาดเดาได้ว่า พรรคภูมิใจไทยได้ตกลงปลงใจไปนานแล้ว เพียงแต่การสร้างแบรนด์ “พรรคขั้วกลาง” ไว้ในช่วงหาเสียง จึงต้องเผชิญกับกระแสเรียกร้องจากกองเชียร์สีน้ำเงินบางปีก

          “ปัจจุบันการเมืองถูกแบ่งขั้วออกเป็น 2 ฝ่าย คือทั้งฝ่ายเผด็จการ และฝ่ายประชาธิปไตย ทำให้พรรคสายกลางอย่างเราต้องมีความกดดัน ผมจึงอยากขอให้ยุติการแบ่งฝ่ายกันเสียที เพราะทุกอย่างถือว่าจบลงแล้วเพราะผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน และทุกพรรคควรจะต้องหันมาพึ่งพากัน”

          บังเอิญ อนุทินโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน ไปทางนี้แหละไม่มีหลงทาง" ดันมาตรงกับคำขวัญของกองทัพบก เลยทำให้กองเชียร์ตีความกันยกใหญ่ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ