คอลัมนิสต์

ลอกคราบ "ลุงสนามหลวง" จุดจบแดงไร้เดียงสา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ "ท่องยุทธภพ" โดย "ขุนน้ำหมึก" หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันที่ 13 พ.ค. 2562

 

****************

          อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนที่เอาตัวรอด ได้เป็น “พลเมืองฝรั่งเศส” ส่งเสียงโวยวายกรณี “ลุงสนามหลวง” กับสองสหาย อ้างว่าทางการเวียดนามส่งตัวกลับไทยแล้ว โดยไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยัน 

          ตรงกันข้าม นักสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย ไม่เคยพูดถึง “พฤติกรรม” ของลุงสนามหลวง และวิธีการปลุกระดม ผ่านยูทูบช่องสนามหลวง 2008 ที่ประกาศตัวเป็นนักปฏิวัติ และไม่สนใจแนวทางรัฐสภา เพราะมีเป้าหมาย “โค่น..ลูกเดียว”

 

ลัทธิวีรชนเอกชน 

          ปลายปี 2560 กลุ่มลุงสนามหลวง หรือ “ชูชีพ ชีวะสุทธิ์” พยายามปลุกระดมผ่านช่องยูทูบหรือวิทยุใต้ดินให้สมาชิกองค์กร “สหพันธรัฐไท” ที่อยู่ในไทย ออกมา “ป่วน” งานพระราชพิธีสำคัญ

          ขณะนั้น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการยุยงให้ประชาชนออกไปเคลื่อนไหว “ป่วนงานพระราชพิธี” ซึ่งเป็นการพูดแบบไม่รับผิดชอบ ถ้าแน่จริง ลุงสนามหลวงต้องกลับมาทำเอง อย่ายุชาวบ้านออกไปตายแทน

          ช่วง 5 และ 10 ธันวาคม 2561 ลุงสนามหลวงปลุกให้สมาชิกสหพันธรัฐไท สวมเสื้อดำมาทำกิจกรรมตามจุดต่างๆ และได้มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์จริง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวเข้าไปปรับทัศนคติภายในค่ายทหารประมาณ 5 คน 

 

ลอกคราบ "ลุงสนามหลวง" จุดจบแดงไร้เดียงสา

สาวกลุงสนามหลวง ทำกิจกรรมท้าทาย ลงท้ายก็ถูกเชิญไปปรับทัศนคติ

 

 

ลอกคราบ "ลุงสนามหลวง" จุดจบแดงไร้เดียงสา

เสื้อสหพันธรัฐไท ที่สาวกลุงสนามหลวงผลิต

 

          รวมถึง “สหายดาบ” ลัดดาวัลย์ ชีวะสุทธิ์ ภรรยาของลุงสนามหลวง พร้อมลูกชาย ก็ถูกเชิญตัวเข้าค่ายทหาร 7 วัน ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมาโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ

          ลุงสนามหลวงได้แต่ส่งเสียงข้ามโขง เรียกร้องให้ทางการไทยปล่อยตัวภรรยาและลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข

 

 

จำได้มั้ย “ชีพ ชูชัย”

          ระหว่างปี 2517-2519 ลุงสนามหลวง หรือชื่อจริง ชูชีพ ชีวะสุทธิ์” เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล และเป็นประธานชมรมนิยมไทย ได้ร่วมเคลื่อนไหวต้านเผด็จการ และเข้าป่าอีสานใต้ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีชื่อจัดตั้งว่า สหายสมชาย”

          หลังปี 2524 ชูชีพพาภรรยาคืนสู่เมือง เรียนหนังสือต่อ และประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่ก็ยังไปมาหาสู่กับเพื่อนนักศึกษาที่เข้าป่าอีสานใต้ ซึ่งรวมตัวกันในนาม “สโมสร 19” 

          ช่วงรัฐบาลทักษิณ ชูชีพประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเหล็กเส้น เนื่องจากมีเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวมหิดลนั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเกิดรัฐประหาร 2549 ชูชีพตั้งตัวเองเป็นประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ 

 

ลอกคราบ "ลุงสนามหลวง" จุดจบแดงไร้เดียงสา

ลุงสนามหลวง, ข้าวเหนียวมะม่วง และ ยังบลัด

 

          ตอนนั้น ชูชีพทำเว็บไซต์ใต้ดิน จัดรายการวิจารณ์สถาบันเบื้องสูงในนาม “ชีพ ชูชัย” พร้อมกับสนับสนุนอดีตสหายอีสานใต้กลุ่มหนึ่ง ผลิตเอกสาร “วิทยานิพนธ์คนเสื้อแดง” 

          20 สิงหาคม 2551 ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ภายหลังกล่าวพาดพิงก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกอากาศผ่านทางวิทยุชุมชน และผ่านทางเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต 

          ชูชีพหนีออกจากไทยไปหลบภัยอยู่ในเมืองจีน โดยหวังจะให้เครือข่าย “นายใหญ่” ช่วยเหลือ แต่ผิดหวัง เขาถูกรีดไถจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เลยเปลี่ยนแผนหนีมากบดานอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์

          อยู่ว่างๆ เลยเปิดช่องสนามหลวง 2008 ทางยูทูบ จัดรายการวิจารณ์การเมืองฉบับใต้ดิน

 

 

อีโก้แถมไร้เดียงสา

          ต้นปี 2559 “โกตี๋” หนีจากเขมรมาอยู่ลาว ได้มาร่วมงานกับ ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ทำวิทยุใต้ดินผ่านยูทูบ ในนาม “สถานีไทยเสรีเพื่อสาธารณรัฐไทย” โดยโกตี๋ ในนามแฝงจัดวิทยุว่า สหายหมาน้อย” และชูชีพใช้ชื่อ “ลุงสนามหลวง” เวลานั้น สถานีวิทยุใต้ดินกลุ่มโกตี๋-ชูชีพ ที่ส่งกระจายเสียงจากนครหลวงเวียงจันทน์ มีคนเสื้อแดงติดตามรับฟังกันครึกโครม

          19 พฤศจิกายน 2559 สถานีวิทยุใต้ดินกลุ่มโกตี๋-ชูชีพ ประกาศยุติการกระจายเสียงชั่วคราว เนื่องจากกรมตำรวจสันติบาลลาว ได้ขอให้หยุดการกระจายเสียง

          5 ธันวาคม 2559 วิทยุใต้ดินกลุ่มโกตี๋-ชูชีพ กลับมาออกอากาศทางยูทูบอีกครั้ง พร้อมคำประกาศจัดตั้ง “องค์กรสหพันธรัฐไท” เพื่อเป็นหัวหอกนำการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองในประเทศไทย

 

ลอกคราบ "ลุงสนามหลวง" จุดจบแดงไร้เดียงสา

โกตี๋ หรือ สหายหมาน้อย 

 

          สมาชิกสหพันธรัฐไท มีอยู่ 7 คน ประกอบด้วย 1.ลุงสนามหลวง (ชูชีพ ชีวะสุทธิ์) 2.โกตี๋ (วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ) 3.ขุนทอง ไฟเย็น (ไตรรงค์ สินสืบผล) 4.แยม ไฟเย็น (รมย์ชลี สมบูรณ์รัตนกูล) 5.สหายร้อยสิบสอง (วัฒน์ วรรลยางกูร) 6.สหายยังบลัด (กฤษณะ ทัพไทย) 7.สหายเผด็จ (สมเจตน์ คงวัฒนะ)

          ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังใหญ่ และกลางปี 2560 โกตี๋กับชูชีพทะเลาะกันรุนแรง เรื่องเงินๆ ทองๆ และจบด้วยการแยกกันอยู่ บ้านใครบ้านมัน

 

ลอกคราบ "ลุงสนามหลวง" จุดจบแดงไร้เดียงสา

สุรชัย แซ่ด่าน และ ขุนทอง ไฟเย็น

 

          ถัดจากนั้นไม่นาน โกตี๋ถูกกลุ่มชายนิรนามอุ้มหายไป ส่วนลุงสนามหลวงหรือชูชีพ ยังเดินหน้าจัดวิทยุใต้ดินต่อไป 

          ที่สุด ลุงสนามหลวง อาจประสบชะตากรรมเดียวกันกับโกตี๋ และ สุรชัย แซ่ด่าน ที่หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ