คอลัมนิสต์

เพื่อไทยปล่อยอนาคตใหม่เคลื่อนไหวชิงธงตั้งรัฐบาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  กวาดบ้านกวาดเมือง  โดย... ลมใต้ปีก

 

 


          นักสังเกตการณ์ทางการเมือง ต่างเห็นอาการแปลกๆ ของพรรคเพื่อไทย ที่หยุดการเคลื่อนไหวรวบรวมเสียงที่หลังจากไปผนึกกัน 7 พรรค และได้เสียงนับรวมกัน 245 เสียง ยังไม่ข้ามเส้น “กึ่งหนึ่ง” ของสภาผู้แทนราษฎร แต่แล้วดูเหมือนพรรคเพื่อไทยหยุดเคลื่อนทัพรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลเสียดื้อๆ 

 

 

          ทั้งที่ก่อนหน้านี้ (หลัง 24 มี.ค.-ก่อนสงกรานต์) มีความพยายามของแกนนำเพื่อไทยหลายระดับต่อสายพรรคเล็ก เพื่อหวังดึงมาอยู่ร่วมในการตั้งรัฐบาล แต่หลังประกาศรับรอง ส.ส.ทั้งในระบบเขตและบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 7-8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลับไม่เห็นความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยในยุทธศาสตร์รวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลเหมือนก่อนหน้านี้

 


          เพื่อไทยหันไปสู่เกมการสร้างทางตันหรือล้มกระดาน ด้วยการมุ่งไปฟ้องร้องการทำงานของ กกต. โดยเฉพาะการประกาศดำเนินคดีการเลือกวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของ กกต. ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ที่หากเป็นไปดังยุทธศาสตร์เพื่อไทย จะนำไปสู่การ “ต้องมีอันเป็นไป” ของรัฐบาลที่กำลังตั้งใหม่ และนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในอนาคตอันใกล้ เพราะครั้งนี้ เพื่อไทยสรุปภายในว่า “ยากที่ฝั่งเพื่อไทยจะชิงธงตั้งรัฐบาล” 


          ประกอบกับความไม่เป็นเอกภาพในการขับเคลื่อน การนำทัพของพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้ยังไม่แน่ใจว่าคนแดนไกลจะสนับสนุนใคร ระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ ชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นเป็นผู้ท้าชิงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  


          ขณะที่มีข่าวลอยออกมาเป็นระยะๆ ว่า “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เริ่มถอยออกจากศูนย์อำนาจของพรรคเพื่อไทย 




          ความไม่เป็นเอกภาพนี้ทำให้โอกาสที่จะขับเคลื่อนชิงธงกับ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งรางเลือน จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ “หนุ่มห้าว” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขันอาสานำทัพ รณรงค์สกัดกั้นการหวนคืนนายกรัฐมนตรีรอบสองของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งยุทธศาสตร์ ปิดสวิตช์ ส.ว. หวังเอาเสียง ส.ส.ให้ได้เกิน 376 เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีเลย 


          แน่นอนว่าการจะได้เสียง ส.ส.เกิน 376 จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย หากไม่ได้ 2 พรรคนี้เข้าร่วมยุทธศาสตร์ปิดสวิตช์ ส.ว. แนวคิดของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ “แท้ง” ทันที 

 


          จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ ธนาธรจะประกาศตนตั้งแต่วันแรกที่ไปรับใบรับรองความเป็น ส.ส. ว่าจะไปเจรจากับประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยด้วยตัวเอง ปัญหาอยู่ที่ ทั้งสองพรรคจะตอบรับการเจรจาของ “หนุ่มห้าว” อย่างธนาธร หรือไม่ เท่านั้น


          การที่พรรคเพื่อไทย ปล่อยให้ อนาคตใหม่ เล่นบทนำในการชิงธงตั้งรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะประเมินแล้วว่า โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะเล่นบทนำนั้นไม่ประสบผล เพราะเป็นคู่ขัดแย้งเดิม มิใช่การเจรจากับประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยเท่านั้นที่ไม่เป็นผล เพราะอยู่คนละขั้วกันมานาน แต่เกมนี้เพื่อไทยและอนาคตใหม่วิเคราะห์กันว่า การเจรจาอย่างเดียวไม่เป็นผล จำเป็นต้อง "สร้างกระแส” กดดันสองพรรคนี้ด้วย ถึงจะทำให้การเจรจาเป็นผลได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยน “หน้าชก” ใช้อนาคตใหม่สร้างกระแส จะดีกว่า 


          เหนืออื่นใด สถานการณ์และบรรยากาศ ที่ “ข้อมูลใหม่” เต็มไปหมด กดดันให้เพื่อไทยไม่กล้าเป็นหัวหอกในการเดินเกม เพราะมิอาจประเมินได้ต่อผลกระทบ ที่จะสะท้อนกลับมา จึงต้องเข็นพรรคอนาคตใหม่ที่กำลังห้าวเต็มที่ในเวลานี้ “ลองของ” เสียก่อน 


          นี่คือความเขี้ยวของพรรคการเมืองเก่าที่มีเหนือพรรคการเมืองใหม่ ส่วนนักการเมืองใหม่กำลังร้อน กำลังมัน ลืมเหลียวหลังกลับไปดูว่า “ถูกหลอกใช้นี่หว่า“ กลับมาดูอีกทีอาจ “สายเสียแล้ว”
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ