คอลัมนิสต์

เจาะกลยุทธ์เกมใหม่ยามที่พท.ไร้ดาวเข้าสภา...

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย... ทีมข่าวการเมือง

 

 

          ยามนี้เเละยามหน้าชัดเเล้วว่า "เพื่อไทย” จะไม่มีดาวสภาหรือเเกนนำพรรคในการเข้าไปทำหน้าที่ผู้เเทนราษฎรหลังการหย่อนบัตรครั้งนี้เพราะการ "เเตกเเบงก์พันเป็นเเบงก์ร้อย” รวมทั้งเเยกเป็นเเบงก์ย่อยเพื่อเดินเกมตามกติกาที่เขียนไว้มิให้พรรคใหญ่ครองขุมกำลังเเบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือที่เคยเรียกกันว่าเผด็จการรัฐสภาที่เคยก่อวีรกรรมยัดร่างกฎหมายหลายฉบับเข้าสู่สภาฝักถั่วให้ยกมือไว้วางใจเเละสร้างผลเสียหายกับคนไทยมาหลายวาระ

 

 

          คราวนั้น "นายใหญ่ ณ เเดนไกล” เมื่อมองกติกาเเล้วจึงวางเกมเเตกส.ส.ไปสังกัดพรรคขนาดกลางเเละพรรคขนาดย่อย เพื่อกระจายความเสี่ยง เเละยึดเเนวทางผู้ชนะคือผู้คิดเกมใหม่ไว้เป็นพิชัยสงคราม


          เเต่การเสี่ยงในเกมนั้นมันเเลกกับการได้มาเเบบขาดทุนในคราวนี้ เพราะเมื่อไล่ดู 97 คนที่อยู่ในระบบบัญชีรายชื่อของเพื่อไทยนั้น ประกอบด้วย “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, ชัยเกษม นิติสิริ, ภูมิธรรม เวชยชัย, เสนาะ เทียนทอง, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, ปลอดประสพ สุรัสวดี, โภคิน พลกุล, พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, กิตติรัตน์ ณ ระนอง, ชูศักดิ์ ศิรินิล, พงศ์เทพ เทพกาญจนา, นพดล ปัทมะ, อดิศร เพียงเกษ, พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี, พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, ชูชาติ หาญสวัสดิ์, ต่อพงษ์ ไชยสาส์น, ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ฯลฯ ”


          บุคคลเหล่านี้คือเเกนนำพรรคที่หมดสิทธิ์เป็นส.ส.ในครั้งนี้ เหตุมาจากระบบการคิดคะแนน เพราะการที่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. เขตจำนวนมากทำให้ไม่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่คนเดียว


          เเละไม่มีทางที่บุคคลเหล่านี้จะลงสมัครเเบบเขต เพราะต้องตระเวนหาเเต้มให้ทั้งพรรค หากไปลงเขตก็ไม่มีเวลาวางหมาก หรือหากลองเสี่ยงก็มีสิทธิ์สอบตกเเละเป็นข่าวดังทั่วเมืองดังเช่นที่เคยปรากฏมาหลายครั้งว่า “มือใหม่ล้มยักษ์”


          ส่วน “ไทยรักษาชาติ” ที่โดนยุบพรรคไป ส่งผู้สมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 108 คน โดย 10 อันดันแรก ประกอบด้วย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช, จาตุรนต์ ฉายแสง, ฤภพ ชินวัตร, พวงเพ็ชร ชุนละเอียด, มิตติ ติยะไพรัช, ขัตติยา สวัสดิผล, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, คณาพจน์ โจมฤทธิ์, พิชัย นริพทะพันธุ์ และ นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล โดยที่คนรุ่นใหญ่เเละคนเสื้อเเดงที่ย้ายมาไปอยู่ในอันดับเเละพื้นที่ไม่ปลอดภัยนัก จนปรากฏข่าวความไม่เเฮปปี้ที่ยังเติร์กคว้าพุงปลาไปกินเพียวๆ คนเหล่านี้ตอนเเรกมีลุ้นในการตีตั๋วเข้ารัฐสภา เเต่เมื่อพรรคโดนตัดสิทธิ์ก็ต้องรับผลกรรมนั้นไป




          ขณะที่ “เพื่อชาติ” ที่รวมมิตรคนเสื้อเเดงไว้ในพรรคนี้นั้น มีห้าชีวิตจากบัญชีรายชื่อที่สอบได้ เมื่อบวกกับเเนวร่วมเช่น เสรีรวมไทย, ประชาชาติ, เศรษฐกิจใหม่ หรืออนาคตใหม่ เเต้มที่มีของขั้วต้านลุงตู่นับเป็นกอบเป็นกำยิ่ง เเม้ในความจริงจะต้องซัดกันเเบบยอมใครไม่ได้ในเเต่ละเขตเลือกตั้งก็ตาม...


          บทเรียนการเลือกตั้งครั้งนี้ของเพื่อไทย พบว่าการคว้า 137 ส.ส.จากที่ส่งไปเเข่งขัน 250 เขต ใน 350 เขตทั่วไทย พรรคเพื่อไทยคว้าคะเเนนรวม 7,920,630 คะแนน ลดลงจากคราว “นารีขี่ม้าขาว” ที่คว้าไว้ 15,744,190 คะแนน หากมองมุมบวก ถ้านำเเต้มที่เพื่อไทยมีไว้ในมือเเละนำไปรวมกับพรรคอื่นๆ ในขั้วต้านลุงตู่เเล้ว จะพบว่า "เพื่อไทย” มีคะเเนนรวมลดลงไปบ้าง


          เเต่จะไม่ลดลงเเบบหายไป "ครึ่งหนึ่ง" เหมือนคราวนี้ที่เเตกเเบงก์พัน เพราะไม่ว่าจะมองมุมใดก็ย้ำคำเดียวว่า "ขาดทุน” เพราะสิ่งที่สำคัญไปยิ่งกว่าคือเพื่อไทยเเทบจะไร้ผู้เล่นหลักที่มิสามารถเข้าไปโชว์บทบาทในห้องประชุมรัฐสภา หรือห้องประชุมครม.ได้หากขั้วหนุนลุงตู่ได้สิทธิ์นั้นไปเเทน 


          ฉะนั้นวิธีการใดที่จะฝ่าวงล้อมของกติกาออกไปให้ดีที่สุดคือเกมใหม่ที่คีย์เเมนเพื่อไทยต้องวางยุทธวิธีรบ


          เมื่อไล่ดูจากการประชุมใหญ่ล่าสุดของพรรคเพื่อไทย พ่อบ้านพรรคที่ชื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า “แม้เรายังไม่ทราบผลการเลือกตั้งที่ชัดเจน แต่เวลานี้จะต้องตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ครบ 77 จังหวัด ทั้ง 250 เขตเลือกตั้ง จากเดิมที่เรามีเพียง 50 จังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหากมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นก็พร้อมส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต”


          เท่ากับว่า “เพื่อไทย” กำลังพลิกเกมใหม่หากว่ายังคงยึดกติกาเดิมอยู่เเละยังมิได้มีการเเก้ไขนั้น เพราะพรรคพลังประชารัฐที่ได้คะแนน 8,433,137 คะแนน คือคู่ปรับเพียงหนึ่งเดียวที่พรรคเพื่อไทยจะคว่ำให้ได้ โดยเพื่อไทยจะเน้นน้ำหนักมาเป็นการเฉพาะที่ต้องคัดผู้เล่นเเบบ "ดีหนึ่ง ประเภทหนึ่ง” ลงโกยเเต้มใน 350 เขต เพื่อให้เเต้มปาร์ตี้ลิสต์กระจายลงทั่วทุกจังหวัดเเละจะได้ดีดตัวขึ้นพ้นกับดักนี้ เพราะคีย์เเมนพรรคมองเเล้วว่า หากใช้กติกาเดิมเล่นต่อการส่งครบทุกเขตคือวิธีเดียวที่จะเเก้ปัญหา เพราะเป็นไปได้มากว่าหากลงครบ350 เขต การใช้คณิตศาสตร์ผสมรัฐศาสตร์กับนิติศาสตร์ในสมการการเมืองไทย...เพื่อไทยจะก้าวข้ามกลเกมที่มือดีเขียนดักทางไว้ได้เเน่ชัด


          ส่วนการเเตกเเบงก์ร้อยเเละเเบงก์ย่อยภาคสองซึ่งคนวงในเพื่อไทยกำลังหารือไว้ล่วงหน้าเพื่อรับมือเลือกตั้งใหม่ที่ไม่รู้จะว่าคลอดวันใดเเละยังยึดกติกาเดิมหรือไม่...กลเกม “เเตกเเบงก์พันเป็นเเบงก์ร้อยรวมทั้งเเบงก์ย่อยภาคสอง” นั้น น่าจะมีขึ้นอีก เเต่คราวหน้าจะถี่ถ้วนขึ้นสำหรับเพื่อไทย


          เมื่อหันไปมองการเสนอเเก้กติกา...เเต่ยามนี้เชื่อเลยว่า “เเก้ได้ยากมาก" เพราะมันติดที่ความเห็นชอบของส.ว.ด้วย ว่าจะไฟเขียวหรือไม่ เเต่เมื่อเหตุมันเป็นเเบบนี้ขั้วเพื่อไทยก็น่าที่จะเเลกโดยอ้างปลดล็อกการเมืองให้ได้ เพราะเนติบริกรที่ชื่อ “วิษณุ เครืองาม” ก็เเย้มมาเเล้วว่า ประชามติสองรอบก็พอจะมีความเป็นไปได้

 

          เเบบนี้คล้ายว่ามือกฎหมายชั้นเยี่ยมของเมืองไทยก็รับสภาพกลายๆ ว่า หากยังลากไปเเบบนี้ เลือกตั้งกี่รอบก็วุ่นไม่เลิกเเละต้องจับตาว่าในสมัยการประชุมสภาผู้เเทนราาฎรหากว่าสามารถเปิดขึ้นได้เเละเมื่อมีจังหวะ “เพื่อไทยเเละพรรคที่ไม่เอาลุงตู่” น่าจะเปิดเกมเเก้กติกาทันที โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับ “การเลือกตั้ง”
“ชูศักดิ์ ศิรินิล” ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่า “วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ต้องมีผู้เสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นต้องมีการทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชนว่าควรแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่และแก้ด้วยวิธีใด ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็จะเป็นแนวทางที่จะเดินต่อไป" 


          “วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พรรคเพื่อไทยควรให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. ซึ่งมีตัวแทนของประชาชนร่วมกับนักวิชาการขึ้นมาดำเนินการ น่าจะเป็นกระบวนการที่ถูกต้องชอบธรรมมากกว่ากระบวนการใดทั้งหมด โดยไม่บอกจะแก้เรื่องอะไรแต่จะถามประชาชนภาพรวมว่าแก้เรื่องใดแล้วให้สสร.เป็นผู้ดำเนินการ เมื่อทำเสร็จแล้วก็ไปฟังความเห็นจากประชาชนอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อยุติซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาข้อติดขัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน”


          เพื่อไทยออกมาเเบบนี้ย่อมอ่านหมากออกเเล้วว่าการเขี่ยลูกยามนี้ไม่โดนก้อนอิฐ เเละสังคมจะเป็นกองหนุนให้รีบดำเนินการ เพราะหากเเก้กติกาโดยให้มีสสร.กลับมายกร่างรัฐธรรมนูญ เเบบนี้มันโล่งใจทุกฝ่าย ปมใดที่มีข้อกังขาก็จะต้องมลายหายไป


          ความเเคลงใจก็จะไม่มี...เเบบนี้ชัดในเบื้องต้นเเล้วว่าไม่ว่าขั้วใดก็ต้องเเก้กติกาเเน่ หากขั้วใด พรรคไหนลองฝืนดู...รับประกันเลือกตั้งครั้งหน้า "ร่วงชัวร์”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ