เรื่องราวพลิกผันชั่วไม่กี่วัน ของนายตำรวจชื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่สื่อมวลชนทุกค่ายต่างพากันฟันธงมาจากเรื่องการทำโผแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ!
****************
สูงสุดสู่สามัญ บิ๊กโจ๊กซึ้งแล้วในเดือนเมษาสุดร้อนสมชื่อไทยแลนด์นี่แหละ
กับเรื่องราวพลิกผันชั่วไม่กี่วัน ของนายตำรวจชื่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบช.สตม. หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ผู้สร้างปรากฏการณ์ “โตไวเกิ๊น” ต้องปิดฉากชีวิตตำรวจไว้ที่สำนักนายกรัฐมนตรี
ต่อให้นาทีนี้ก็ยังคงเป็นที่สนใจว่าไปยังไงมายังไงกันแน่ !
ศุกร์ที่ 5 เมษายน วันที่ดูแล้วไม่น่าจะมีเรื่อง แต่กลับไม่ใช่วันดีของนายพลผู้นี้เลยแม้แต่น้อย เพราะจากโปรแกรมเดิมที่เจ้าตัวมีนัดแถลงข่าวจับ 7 มือแชร์แคมเปญล่าชื่อถอดถอน กกต. แต่พอถึงเวลาเขาก็ส่งข่าวมาว่าติดประชุม และมอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 เป็นผู้แถลงข่าวแทน หลังจากนั้นก็หายจ้อย ราวกับล่องหน ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ปิด ปลิว จนโลกโซเชียลพากันติดแฮชแท็ก #บิ๊กโจ๊กหายไปไหน
แต่ไม่พ้นจมูกสื่อมวลชนที่ดมจนพอได้เค้าว่างานนี้ "เด้งบิ๊กโจ๊ก” แน่นอนแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีใครคอนเฟิร์มว่าสาเหตุใด แต่ที่เดาตรงกันคือเรื่องการทำโผแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว. ครั้งที่ผ่านมา ที่มีการโยกย้ายมโหฬารกว่า 9,000 ตำแหน่ง มีนายตำรวจหลายนายส่งเสียงไม่พอใจอึงมี่
กระทั่งข่าวใหญ่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. หรือ “บิ๊กแป๊ะ” เซ็นคำสั่งย้ายฟ้าผ่าให้บิ๊กโจ๊กปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. หรือ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม
และในช่วงค่ำ ฉก.พิเศษ ได้บุกค้นสถานที่ซึ่งระบุว่าเป็น “เซฟเฮ้าส์” ของบิ๊กโจ๊ก ที่ห้อง 301-305 โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ ตามข่าวระบุว่า วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าสัวผู้ล่วงลับได้ยกให้แก่บิ๊กโจ๊กก่อนที่เขาจะเสียชีวิต โดยบิ๊กโจ๊กใช้ที่่นี่เป็นทั้งที่พัก และวอร์รูม ประชุมงานสำคัญมาตั้งแต่ช่วงปี 2558-2559
มีการวิเคราะห์ว่าช่วงนั้นบิ๊กโจ๊กขึ้นหม้อ หลังทำภารกิจปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ เครือข่ายบริษัทโอเอจนอยู่หมัด จึงได้ห้องที่โรงแรมหรูกลางเมืองไว้ทำงาน ติดกันถึง 5 ห้อง
ถัดมาช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ 6-7 เมษายน บิ๊กโจ๊กยังคงไม่ปรากฏตัว แต่ได้ยกเลิกโปรแกรมนัดร่วมงานศิษย์เก่าโรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา ทั้งๆ ที่เขาเป็นประธาน เนื่องจากถูกเรียกตัวด่วนไปสอบ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
ข่าวยังระบุอีกว่า ช่วงเวลานั้นเอง ฉก.ชุดเดิมก็ทำการบุกค้นบ้านบิ๊กโจ๊กอีกหลายหลัง ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ที่สุด ก.ตร. หรือคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ก็ได้นัดหมายประชุมเป็นกรณีพิเศษเพื่อพิจารณาตำแหน่งบิ๊กโจ๊ก ในวันอังคารที่ 9 เมษายน
อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชย ก็เริ่มมีข่าวออกมาว่าบิ๊กโจ๊กได้รับสายจากสื่อมวลชนไทยรัฐ และแจ้งว่า “ผมสบายดี” ทั้งยังมีกระแสข่าวว่าเจ้าตัวนั้น “เคลียร์จบแล้ว” ออกมาให้สังคมนั่งไม่ติดหนักกว่าเก่า ว่ามันอะไรยังไงกันบ้าง !
แต่เมื่อถึงดีเดย์ 9 เมษายน เรื่องราวก็พลิกกลับจาก “แอมไฟน์” มาเป็นการเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของบิ๊กโจ๊ก !
นั่นคือ ช่วงสายบิ๊กโจ๊กเจอคำสั่ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจหัวหน้า คสช. โยกไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง และแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกฯ พูดง่ายๆ ว่า “เด้ง เข้ากรุ”
ถัดมาช่วงบ่ายบิ๊กโจ๊กเจอ บิ๊กแป๊ะ ผบ.ตร. ออกคำสั่งด่วนที่สุด ปลดออกจาก ฉก.ทุกชุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ! ว่ากันว่างานนี้ทำเอาบิ๊กโจ๊กถึงกับต้องไปไหว้พระที่วัดหัวลำโพงทันทีในวันเดียวกัน !
แต่ที่แน่ๆ ก.ตร. หรือ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่ว่าจะนัดประชุมเรื่องตำแหน่งบิ๊กโจ๊ก ถึงกับต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ท่ามกลางข่าวลือ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ป่วยกะทันหัน
ถามว่าเกี่ยวข้องยังไง ก็ลุงป้อมเป็นประธาน ก.ตร. ที่จะต้องพิจารณาแต่งตั้งบิ๊กโจ๊กไปอยู่ตำแหน่งหนึ่งตำแหน่งใดในระนาบเดียวกันนั่นแหละ แต่พอเกิดอาการที่ถูกแซวว่า “โจ๊กเป็นพิษ” ก็เลยต้องพับไปก่อน
ล่าสุด วันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา ราชกิจจาฯเผยแพร่ประกาศสำนักนายกฯ มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" พ้นจากตําแหน่ง ผบช.สตม. และตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกฯ แล้วเรียบร้อย
ส่วนถามถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมด สื่อมวลชนทุกค่ายต่างพากันฟันธงมาจากเรื่องการทำโผแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว. ครั้งที่ผ่านมา
แต่ที่รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางช่อง Spring 26 กล้าสรุปว่ามาจาก 3 ปมใหญ่คือ 1.ตั๋วตำรวจ 2.พฤติกรรมส่วนตัว และ 3.ตีเมืองขึ้น
โดยเรื่องแรก “ตั๋วตำรวจ” มีการอธิบายว่าหมายถึงการซื้อขายตำแหน่งในแวดวงสีกากี โดยเรียกว่า “ตั๋ว” ที่เดิมทีมีการแบ่งไว้ 3 ส่วน คือ “ตั๋วนักการเมือง” คือเป็นคนของนักการเมือง, “ตั๋วนาย” เป็นคนของระดับ ผบ.ตร. และ “ตั๋วต้นสังกัด” คือ มาจากผู้บังคับการ ผู้บัญชาการ
ในรายการถึงขนาดระบุว่า มายุคนี้ตั๋วทุกใบข้างต้นต้องผ่านการประทับตราจาก “เทพโจ๊ก” เท่านั้นอีกด้วย ที่สุดมันจึงเป็นปัญหาตามมาจนเป็นเรื่องหรือไม่ ?
ปมที่สอง “พฤติกรรมส่วนตัว” มีการอธิบายโดยใช้ภาพหลายภาพที่บิ๊กโจ๊กวางตัวสะท้อนไปถึงคำเรียกจากเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ว่า คนนี้ “เด็กนาย” ซึ่งบางคนอาจไม่พึงใจนัก
ปมที่สาม “ตีเมืองขึ้น” ที่ต่อเนื่องมาจากการถล่มทัวร์ศูนย์เหรียญราบช่วง 3-4 ปีก่อน จนมีข่าวลือกระหน่ำว่า ทีมงานลูกน้องของบิ๊กโจ๊กมีพฤติกรรมแบบที่เรียกว่า “บุกจับรับเคลียร์เงิน” หรือไม่ ซึ่งต้องมีการสอบเชิงลึกเข้มข้นว่า “บิ๊กโจ๊ก” รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไปว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ถึงขนาดชีวิตพลิกหงายชั่วไม่กี่วันขนาดนี้ ต้องบอกว่าเบื้องหลังไม่ธรรมดาแน่ๆ !
ข่าวที่เกี่ยวข้อง